วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563

"ผมยังไม่ตายแหะ?"

"อ้าว?"
"ผมยังไม่ตายแหะ?"
ห้องทั้งห้องนิ่ง เงียบกริ๊บ ... ลงไปสามวิ
"เอาสามนาทีชีวิตเมื่อกี้ของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ..  อลัน" ทำเสียงสองได้น่าสยดสยองมากเลยเชียวล่ะ
และแล้วก็ตามมาด้วยเสียง .. 
ตุบ!!! ตับ!! ตุบตับๆ .. โอ้ย!!
ผลั๊ก!! ผลั๊วะ!! .. แคว๊กกกกกก!! ตึง!! 
"โอ๊ยๆ!! ที่รักจ๋า.. ผมขอโทษ .. ก็ผมคิดว่ามันเป็นยาพิษจริงๆ นะ!! รสชาติพิลึกพิลั่นขนาดนั้น!" อลันมุดหลบหมัดกับฝ่าเท้าของแฟนตนที่ใต้โต๊ะ
ดาม่อนยังเคี้ยวแผ่นแป้ง 'รสพิลึกพิลั่น' ราดน้ำผึ้ง .. ด้วยใบหน้าออกแนวเซ็งๆ ไม่คิดจะสนใจสองสหายคู่รักที่กำลังจะฆ่ากันตายซะบ้างเลย
แค่นี้โอเรออนเน่ก็รู้แล้วล่ะว่า 
นี่กระมัง...ที่ทำให้ดาม่อนจึงได้ดูเย็นชา ไม่สนใจโลกอยู่ตลอดเวลา สาเหตุก็เนื่องเพราะ..เขาคงจะต้องมีชีวิตที่เผชิญอยู่ .. เอิ่มมม .. ท่ามกลางความโกลาหลตลอดเวลาอย่างนี้นี่เอง .. ใช่ปะ? .. น่าเห็นใจจัง ..
ยังจะไม่คิดถึงแพนเค้ก .. ที่เป็นต้นเหตุแท้จริงนั่นสักนิดหรอกหรือ? .. เอ็ดเวิอร์ดกระแอมกระไอในขณะที่
โถ ... ดาม่อน ..
คุณนี่ช่างเป็นผู้ชายหน้าตาดี .. ที่น่าสงสาร ..
ตาสีเขียวที่เฝ้ามองเขาอย่างหลงใหลและเห็นอกเห็นใจ ..มือ..หยิบแผ่นแป้งผลงานตนเองขึ้นมากัดบ้าง .. ก่อนจะปล่อยมันทิ้งลงบนจานจนเกิดเสียงดัง .. เคล้ง!!
คายทิ้ง .. อุทาน
"วั๊ย!! ยาพิษ!!"
ดาม่อนเหลือบตาขึ้นมามองกิริยา .. ตกใจในฝีมือการทำอาหารรสชาติ 'พิลึกพิลั่น' ของตนเองได้อย่างน่าตลก โก๊ะๆ ..เรียกรอยยิ้มขำขันให้กระตุกขึ้นบนมุมปากของชายหนุ่มใหญ่ได้โดยที่เจ้าของมันเองก็ยังไม่รู้ตัว
โชคดีที่ยัยตัวป่วนมัวแต่สาละวน เอื้อมมือหาแก้วน้ำดื่มที่มันวางอยู่ตรงหน้าแล้วอย่างวุ่นวาย
"เจ้ากาแฟนี่มันช่างขมจะตายไปค่ะ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณฝืนใจดื่มมันเข้าไปได้อย่างไรกันทุกเช้าๆ"
อ้าว? ตกลงแล้วแม่สาวน้อยคนนี้ยังคิดไม่ได้เลยใช่ไหมว่ามันไม่ใช่ที่รสขมของกาแฟ แต่มันเป็นเพราะหล่อนทำอาหารฝีมือแย่มากต่างหาก .. ไม่ใช่หรือ? 
ไมเคิลเงยหน้ามาคิดในใจ แถมมองไปยังใบหน้านิ่งๆ ของเจ้านายเป็นเชิงปรึกษาว่า .. 
เอาไงดีครับเจ้านาย จะให้ผมฝังหล่อนทำปุ๋ยเลยดีไหม? ..ต่อไปเจ้านายจะได้ไม่ต้องปวดหัวไง .. อะไรงี้
ดาม่อนมองตอบไปว่า
ใจเย็นๆ น่าสหาย..ประเดี๋ยวต้นไม้ก็พากันล้มตายหมดทั้งป่าพอดีน่ะสิ
"คุณพอ ... จะจดจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองขึ้นมาได้บ้างหรือยัง?" จู่ๆ คนหน้าขรึมก็ตั้งคำถามขึ้นมา
"ค่ะ" นั่งหลังตรง วางมือสงบเสงี่ยมแต่ก้มหน้า
"คุณคงเบื่อที่จะดูแล .. ผู้หญิงที่คอยแต่จะสร้างความเสียหายให้แก่คุณบ่อยๆ แล้วใช่ไหมคะ" 
ดาม่อนแอบกลอกตา 
เอาแล้วไง .. โลกช่างไม่ยุติธรรม!! 
ทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ถึงต้องมีวิชาดราม่าติดตัวมาทำให้ผู้ชายต้องปวดหัวอย่างนี้ซะแทบทุกคนเลยล่ะ แต่บอกตรงๆ แม้จะพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มามากมาย .. แต่ทำไมครั้งนี้เขาจึงได้รู้สึกว่ามันรับมือได้ยากจัง
"ผมยังไม่ได้พูดอะไรในทำนองนั้น"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ..แล้วก็จะพยายามจดจำอะไรๆ ขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุดเลยค่ะ ฉันสัญญา ดาม่อน"
"คุณไม่เห็นจำเป็นที่ต้องสัญญาอะไรเลยนี่นา"
เจ้าของใบหน้าเฉยชาทำตาปริบๆ
สมองของนักธุรกิจจอมฉมัง กำลังคิดหาวิธีรับมือกับแม่สาวอินดี้คนนี้สุดฤทธิ์ หล่อนยิ่งท่าทางจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจอะไรยากซะด้วยสิ
"ฉันจะออกไปเดินเล่นในป่า" 
"ทำไมต้องในป่า?" ดวงตาสีม่วงมีแววงุนงง 
"เมื่อวานคุณกรุณาพาฉันไปนั่งรถเล่นในเมือง" 
"ครับ" ตอบรับทั้งยังไม่แน่ใจว่า..นั่นเป็นประโยคตอบคำถามของเขา หรือบอกเล่า หรืออะไรกันแน่
"ฉันรู้ดีค่ะว่าคุณมีเจตนาจะพาฉันไปดูยังสถานที่ต่างๆ เพื่อหวังจะให้จดจำได้ว่าแถวนี้เป็นที่ที่ฉันคุ้นเคยหรืออาศัยอยู่มาก่อนหรือไม่ .. ใช่ไหมคะ?"
"ทำไมคุณคิดว่าผมจะทำอย่างนั้น ในเมื่อผมรู้ดีว่าคุณพูดฝรั่งเศสได้ไม่คล่องไปกว่าภาษาอังกฤษ"
"งั้นหรือคะ" พยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง
"ก็ไม่เชิง" คู่สนทนาก็มีแววลังเล
"ผมแน่ใจว่าคุณสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่มันก็เป็นสำนวนที่แปลก" เขาตั้งข้อสังเกต 
"งั้นหรือคะ" ตอบประโยคเดิมมา .. ตาใสแป๋ว
ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองจะหายใจลำบากก็เลยหันไปมองไมเคิล .. เห็นชายร่างยักษ์กำลังหยิบแผ่นแป้งมาใช้ลิ้นแตะๆ .. เตรียมฆ่าตัวตาย
"ฉัน .." มีความลังเลชัดมากอยู่ในน้ำเสียง
"ฉันรู้สึกไม่คุ้นเคยกับคนมากมายข้างนอกนั่น" 
สารภาพ 
"ฉันกลับรู้สึกชินกับสถานที่เก่าๆ ..เหมือนแบบในปราสาทนี่ .. แล้วก็ที่ๆ เป็นต้นไม้เยอะๆ มากกว่าเจ้ารถควักไขว่เสียงดังข้างนอกนั่นน่ะค่ะ"
"คุณเคยมาที่นี่หรือ?" เขาถาม ประหลาดใจ
"ไม่ค่ะ .. คือฉันหมายถึง .. ไม่รู้สิ"
"แล้วกับในปราสาทเก่าที่สก๊อตล่ะ?"
ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 

**********
♡ ขอขอบคุณทุกโหลดทุกวิวมา ณ ตรงนี้ด้วยจร้า ♡ 

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563

ซวยอะไรแต่เช้าเลยวะนี่กรู~

บทที่ 5

เอิ่มมมมม… ไม่นับตอนที่เขาตะโกนเรียกออนเน่ว่า 'นังแม่มด!!' เพราะตกใจที่จู่ๆ ก็เห็นผู้หญิงนุ่งกระโปรง รุ่มร่ามหล่น..ผลั๊ก! .. ลงมาใส่ตักเพื่อนรักของเขาอย่างน่าพิศวงอย่างนั้น
"เมื่อคืนหลับสบายดีไหมสาวน้อย?" เขาทัก
"ฝันเห็นหมาป่าตัวยักษ์สีดำสนิท เขี้ยวสีเงินยาวเฟี้ยวเชียวค่ะ ตกใจวิ่งหนีก็ไม่พ้น โดนตะครุบจนสะดุ้งตื่นเมื่อใกล้จะเช้า" ออนเน่เงยหน้ามาตอบด้วยสีหน้าออกแนว .. ขอบคุณสำหรับคำถาม
"อ่อ .. ตีความว่า..น่าจะเจอเจ้าบ่าวในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ล่ะ" คนเจ้าเล่ห์ขยิบตาทะเล้นๆ มาให้ก่อนหันไปมองข้างหลังที่ดาม่อนกำลังจะเดินเลยไปทรุดตัวนั่งทางหัวโต๊ะ
"อ้าว ..นั่นไง..มาแล้ว" 
(ก็กำกวมไง..จะอะไรล่ะ!)
คนที่ยังนั่งงงกับคำว่าเจ้าบ่าวอยู่ เพราะยังไม่เคยมีใครอธิบายศัพท์คำนี้ให้ได้ยินมาก่อนจึงสงสัย
"หมายถึงดาม่อน หรือหมายถึงตัวอะไรนะที่คุณเรียกตะกี้ .. บ่าวๆ" สาวน้อยพาซื่อแต่อลันที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่เมื่อก่อนหน้าขำก้ากก่อนจะรีบหุบปากตัวเองเงียบกริบ ไมเคิลเดินมาตบหลังทักแม้จะไม่ค่อยเข้าใจในอารมณ์ขันที่ดูผิดกาลเทศะของเพื่อนเท่าไรเพราะเดินเข้ามาหลังสุด..จึงไม่ได้ยินเรื่องราว
ขณะที่ดาม่อนที่ก็ได้ยินไม่ถนัด ยังชะงัก เงยหน้าขึ้นมาสงสัย
"นายสอนคำสัปดนอะไรให้เขาเรียกอีกล่ะ?"
นี่ก็อีกคน .. 'สัปดน' คืออะไร? 
แล้วมันกินได้เหมือน 'สับปะรด' หรือเปล่า?
โอเรออนเน่หันซ้ายหันขวา
"ไม่นะ ป่าวเลย ใช่ป่ะอลัน" หันไปยักคิ้วให้แฟน
อลันทำหน้ากลืนไม่เข้า คายไม่ออก 
(ซวยอะไรแต่เช้าเลยวะนี่กรู~)
ดาม่อนมองลูกน้องที่เป็นสหายอีกคนอย่างระอา 
นี่ไง .. ผลร้ายของคนที่ตกอยู่ในความรัก ที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนที่ตนรักตลอดเวลาเลย ใช่ไหม!!
"เอามาเลี้ยงได้หรือเปล่าคะ?" ยังสงสัยไม่เลิก
"ไอ้ตัวเมื่อกี้นี้น่ะหรือ .. ได้สิๆ .. น่ารักจะตาย ดุๆ นิดหน่อย แต่อร่อย แซบส์..เฟ่อรรรรรร์" ฟรองซัวส์รัวลิ้น
"มันกินได้ด้วยหรอ?" คิดถึง..หมู ปลา ไก่ กุ้ง ไปโน่น~
"อร่อย .. แซบ!!"
ยืนยันกระดี้กระด้า ตาสีฟ้าส่อแววสนุกสนานได้ไม่เลิก
"แล้วอะไรคือ 'แซบ' คะ?" งงหนักไปอีก
"ก็อร่อยนี่ละ และก็เผ็ดๆ ด้วย!!" 
คราวนี้โอเรออนเน่ทำท่าแลบลิ้นออกมา .. โบกมือพัดปากตัวเองประกอบ เพราะเคยเจอฤทธิ์ปาปีก้าที่มากับพิซซ่าที่อลันเคยซื้อมาฝาก
"มันคือตัวอะไร?" คนหน้าเข้มคมนิ่ง ชักรำคราญ
"เจ้าบ่าว .. ออนเน่เขาอยากจิเลี้ยง .. เจ้าบ่าว"
ดาม่อนถึงกับสำลักกาแฟ .. เอ็ดเวิอร์ดกุลีกุจอส่งผ้าเช็ดปากให้เจ้านาย
"ฉันจะเอามาเลี้ยงบ้างได้ไหมคะ ดาม่อน?" 
"เหลวไหล!!" ดุหล่อนแต่ตามองเพื่อน..ขุ่นขวาง
"อุ้ย .. ถ้าเจอตัวนี้คุณไม่ต้องเลี้ยงหรอกออนเน่"
แล้วฟรองซัวส์ล่ะ .. กลัวที่ไหน?
"โว้ย!! นี่มันอะไร!!"
อลันคายแผ่นแป้งสีคล้ำราดน้ำผึ้งที่พึ่งกัดเข้าไปทิ้งแล้วรีบล้วงคอจะได้ให้อาเจียน ฟรองซัวส์ที่หันมาเห็นท่าทางหนุ่มคนรัก .. หน้าเขียวจะชักดิ้นก็กรีดเสียง
"อ้าย!! ใครวางยาพิษ!! ใครวางยาพิ้ดดดดดดส์... อ่ะ! นายอย่าแตะต้องมันนะดาม่อน .. ด้วยความเคารพ ฉันไหว้ล่ะ ... นายอย่าไปแตะมันเชียวนะ!!"
หนุ่มจอมสำอางแตกตื่นโวยวายรีบตะกายจะไปดูใจหนุ่มคนรักที่ยืนจกลิ้นตนเองให้วุ่น แต่หมอนั่นก็ยังจะไม่วายห่วงเพื่อนรักที่ตนเคารพบูชา
"บ้าชิบหาย ใครวะกล้ามาล้วงคอพญาหมาป่า!!"
เงยหน้ามามอง..แต่สิ่งที่เห็นคือ ..
ดาม่อนที่ท่าทางใจเย็นมาก... กำลังนั่งเคี้ยวแผ่นแป้งตุ้ยๆ โดยมีสาวน้อยโอเรออนเน่นั่งซึ้งใจน้ำตาคลอและเอ็ดเวิอร์ดที่ปกติจะสุขุมเย็นชา ยืนทำหน้าสยองๆ บวกจะร้องไห้ ..คงจะเสียดายชีวิตแทนเจ้านายสุดที่รักอยู่กระมังน่ะ?..
ส่วนไมเคิล เอิ่มมมม กำลังทดลองเอาส้อมเขี่ยๆ ดมๆ พิสูจน์หลักฐานอาหารพิษนั่นอยู่อย่างขมักเขม้น
"ดาม่อนนนน นายยังจะกินมันเข้าไปทำม้ายยย!! ไม่เห็นหรือว่ามันกำลังจะฆ่าอลันแฟนฉันอยู่ .. ฮือๆ อลัน นายอย่าตายนะ .. ไมค์นายช่วยโทรฯตามรถพยาบาลให้ฉันทีสิ ฉันตกใจ ฉันกดเบอร์ไม่ถูก!" ..ร้องไห้ฟูมฟาย.. 
แล้วพอหันมาเหลียวมองแฟนตัวเองอีกที

ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 

**********

♡ ขอขอบคุณทุกโหลดทุกวิวมา ณ ตรงนี้ด้วยจร้า ♡ 

"ก็น่าลองนะ"

มีกลิ่นกาแฟหอมโชยมาจริงๆ เมื่อเขาก้าวเท้ามาจนใกล้จะถึงห้องครัวขนาดใหญ่หลังปราสาท
แต่ .. ไหน..เอ็ดเวิอร์ดบอกว่าหล่อนกำลังจะทำอาหาร? 
"ขะ .. คุณหนู! ไม่ค่ะ!! .. อย่าทำอย่า..ง ... อุ้ย!!"
ดาม่อนส่งสายตาคมกริบ ที่ยืนมองผ่านประตูปราสาทหินแบบเก่าแก่แต่เดิมที่ยังเป็นประตูไม้หนาหนักเปิดกว้างไว้เข้าไป ทีท่าเสมือนว่าเขาเดินผ่านมามากกว่าจะใช่ผู้ที่จะจงใจเดินตรงมาทางนี้แต่แรก
เห็นแล้ว ...
สาวน้อยร่างเล็กกระจ้อยแต่สวยสมส่วน ยืนงุนงงจ้องมองกระทะที่ตนถืออยู่ในมืออย่างสงสัย ก่อนจะหันซ้ายหัน ขวาเหมือนว่าจะมองหาอะไร .. สุดท้ายก็เงยหน้า .. ตาโต
จังหวะเดียวกันกับที่หญิงชรา หัวหน้าคนครัวที่เป็นผู้เห็นความเคลื่อนไหวของเขาก่อนใครเพื่อน 
นางหันมามองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะรีบก้มหัวทักทายเจ้านาย เดินมาหาหนุ่มเพื่อจะมารอรับคำสั่ง ทำให้ดาม่อนต้องหันมาพยัก หน้าตอบหญิงรับใช้ชรา ก่อนจะดูว่ายัยแม่สาวตัวป่วนนั่นกำลังมองหาอะไร
"น่ะ .. นายท่าน ต้องการจะรับอะไรหรือเจ้าคะ?"
ประหม่า ตกใจเลยถามไปตะกุกตะกัก
ก็ร้อยวันพันปี เจ้านายผู้นี้ไม่เคยจะก้าวเท้ามายังดินแดนศักดิ์สิทธ์ของนางเลยสักทีนี่นา เลยจึงเกรงว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติ?
แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าใครกลับกลายเป็นสาวน้อยร่างจ้อย ใบหน้าเบื้อนแป้งลายพร้อยเป็นทาง ที่มือหนึ่งถือกระทะ อีกมือยกขึ้นมาปิดปากจิ้มลิ้มกั้นเสียงอุทานและจ้องมองมายังเขาด้วยตาคู่สีเขียวกระจ่างใสโตๆ
บ้าจริง!! ทำไมวันนี้เขาถึงได้กลับมาเร็วจังล่ะ?
ละ..แล้วเขาเห็นไหมว่าหล่อนกำลังทำอะไรลงไป กับเจ้าแป้งแผ่นแบนๆ ที่แม่ครัวนี่สอนให้เรียกมันว่าเค้กกระทะน่ะ
"ทำอะไร?" เสียงขรึม ทุ้ม ดุ
"พ่ะ .. แพนเค้กเจ้าค่ะ" แม่ครัวเป็นผู้ตอบ
และแล้วก็ ... แผละ!!
มีวัตถุเขละๆ ชนิดหนึ่งหล่นลงมาจากเพดาน
ดาม่อนโหย่งตัวไปชะโงกเหล่ตามอง ไม่ต้องเดาก็เข้าใจแล้วว่าสาวน้อยคนนั้นที่เมื่อกี้คงจะสงสัยว่าสะสารที่มันเคยอยู่ในกระทะของหล่อนนั้นจู่ๆ มันหายไปไหน
"ใช่ ..หน้าตามันเหมือนแพนเค้ก.. ผมเห็นแล้วล่ะ" 
หน้านิ่ง เนี้ยบ เย็นชา แต่ทว่า … หล่อมากกกกกกกก
โอเรออนเน่คิดถึงเขาอย่างแตกตื่น หัวใจดวงน้อยทำไมมันต้องเต้นถี่ตุบตับๆ ทุกทีที่เห็นหน้าเขาเลยก็ไม่รู้ แล้วยิ่งมาเจอกรณีน่าขายหน้าเช่นนี้ ออนเน่นี้นึกอยากจะให้ตัวเองเป็นแม่มดซะจริงๆ จะได้รีบเสกคาถาหายตัวหนีไปร้องไห้ซะให้ไกลๆ เลย
"มันไหม้?" เลิกคิ้วเป็นถาม
แน่ล่ะที่สีมันดำๆ แปลกๆ .. 
ก็ตอนมันผสมอยู่ในแป้ง สีมันไม่ได้เข้มจัดแบบนี้นี่นา .. เจ้าของดวงตาคู่สีเขียวแอบเถียงอยู่ในใจ อีกทั้งมันเริ่มจะวาวๆ ด้วยเกร็ดน้ำตา
ทำไมเขาถึงใจร้าย .. มีคำถามมากมายเยอะจัง?
ดาม่อนมองหน้า .. ผู้หญิงนี่มันอะไรกันนี่ .. แค่อยากแหย่หล่อนเล่นแค่นี้ทำไมต้องโกรธ?
"แพนเค้กรสกาแฟเจ้าค่ะ คุณหนูเธอสงสัยว่าถ้าต้องดื่มกาแฟกับขนมนี้ในตอนเช้า ทำไมเราถึงไม่เอามาใส่รวมกันในคราวเดียวเลยซะล่ะ ดิฉันเห็นว่ามันก็น่าจะทำได้ ... ก็เลย ... จะทดลองทำกันดูเจ้าค่ะ" 
กลัวอยู่ว่าเจ้านายจะบ่นเรื่องที่มันจะเสียของไปโดยเปล่าประโยชน์และจะโกรธจนคิดตัดเงินเดือน
"ก็น่าลองนะ" 
ดาม่อนทำท่าว่าเห็นด้วย เจ้าของห้องครัวโล่งใจ
"แต่ชิ้นนั้นน่ะ ..." 
พยักหน้าไปทางศพของเจ้าแพนเค้กที่มันหล่นลงมานอนตายสงบอยู่บนพื้น .. ต่อหน้าต่อตาเขาพอดี
"ไม่เอานะ"
จะ ... จะ ... จะ .. ใจร้ายยยยย!!
โอเรออนเน่มองสบตาสีม่วงอันมีเสน่ห์ลึกลับของเขาในจังหวะที่ชายหนุ่มกำลังจะหันหลังผละไป .. 
ก็ยืนจ้องตาเขาจนตาแทบไม่กะพริบอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงจะไม่เห็นล่ะ! .. ที่แม้ว่าใบหน้าอันหล่อเหลายันเงาข้างหลังจะคงเรียบเฉย แต่รู้เลยว่าเขาแอบขำขันให้กับความคิดอันสร้างสรรค์ของหล่อนอยู่นี่นา
..คนใจร้าย!!.. 
ไม่รู้หรือไงว่าหล่อนนี้ตั้งใจจะเซอร์ไพรซ์เขาด้วยขนมที่รสชาติเดียวกับกาแฟขมๆ ที่เขาชอบดื่มนักหนานั่นน่ะ 
ปาดน้ำตา ... 
อุ้ย!! .. มือเปื้อนแป้ง .. แป้งเข้าตา ..
เส้นแนวนอน

และแล้วก็เช้าต่อมา … บนโต๊ะอาหารท่ามกลางกลิ่นกาแฟหอมตลบอบอวล .. โชยฉุย
โอเรออนเน่นั่งแย้มยิ้มจนตาสีเขียวพราวพรายรับกับแสงแดดอบอุ่นยามเช้า .. เฝ้ารอคนๆ นั้นอย่างใจจดใจจ่อ
อลันเดินนำหน้ามา
เอ็ดเวิอร์ดผู้ยืนเชิดหน้าอกผายรอจะขยับเก้าอี้ให้แก่ผู้เป็นเจ้านาย 
(ในใจชักเริ่มคิดได้ว่า .. หรือนี่ อาจจะเป็นการได้รับใช้เขาครั้งสุดท้ายในชีวิตใช่หรือไม่?)
ฟรองซัวส์ยิ้มทักทายก่อนเดินมาจุ๊บแก้มหญิงสาวที่เขานึกช้อบชอบอัธยาศัยคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น

ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 

**********
♡ ขอขอบคุณทุกโหลดทุกวิวมา ณ ตรงนี้ด้วยจร้า ♡ 

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563

จะให้ตอบว่าไง

ไม่น่าจะเป็นน้ำหอมน้ำปรุงที่เขาคุ้นเคยจากสาวๆ ในสังคมชั้นสูงมาทุกยี่ห้อนี้ที่พวกหล่อนใช้กันเลยนะ
แต่ว่ามันก็ไม่น่าใช่น้ำหอมราคาถูกที่มักจะมีกลิ่นฉุน .. แสบจมูกเหล่านั้น
กลิ่นนี้มันหอมละมุนอ่อนๆ .. 
ที่แย่คือ .. มันดันมีเสน่ห์ต่อเขาดีชะมัด!!
แต่ .. 
"ไม่ค่ะ มายลอร์ด .. คือ .."
"ที่นี่อันตรายเกินกว่าที่พวกเราจะปล่อยคุณทิ้งไว้คนเดียว" น้ำเสียงเหมือนเอือมระอาติดจะเย็นชานิดๆ
"ผมมองไม่เห็นว่าคุณนั่งรถมาจากทางไหน และกำลังจะไปไหน ไม่ต้องกังวล ที่นี่ห่างจากตัวเมืองมาไม่ไกล คุณคงจะมีเวลาอดทนกับพวกเราได้ไม่นาน" 
"นายอย่าใช้น้ำเสียงเย็นชานักซี ดาม่อน"
ฟรองซัวส์เจ๋อ ชะโงกหน้าไปดูข้อเท้าของแม่สาวแปลกหน้าเกรงว่าจะบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าแต่ก็งง 
สงสัยว่าทำไมมันจึงดูใหม่เจี๊ยบ .. แถมทั้งยังไม่มีร่องรอยฝุ่น หรือรอยขูดขีดถลอกใดสักรอย ให้เห็นบนรองเท้าแม้สักน้อยนั่นเลย
ยี่ห้อก็ไม่มีแหะ แต่ฝีมือปรานีต ว้าว! .. เฉียบมากเลย
ช่างฝีมือคนไหนตัดเย็บให้หล่อนใส่กันหว่า?
"ผมฟรองซัวส์ นั่นอลัน ส่วนตาใบ้ที่ขับรถให้เราอยู่นั่นชื่อไมเคิล เป็นอเมริกัน และเจ้าของรถคือดาม่อน คุณรู้จักเขาแล้ว .. แล้วคุณชื่ออะไร?"
นายจอมจุ้นแนะนำตัวเองง่ายๆ ไร้พิธีรีตรอง
"โอเร .. โอเรออนเน่ มาเฟียสค่ะ จะเรียกข้าสั้นๆ ว่าออนเน่ก็ได้ .. ยินดีที่ได้รู้จักเหล่าสุภาพบุรุษทุกท่าน" ออนเน่พยักหน้าทักทายให้แก่ฟรองซัวส์เล็กน้อย โดยที่ไม่ยินยอมจะมองไปที่เจ้าของกล่องเหล็ก ที่มนุษย์ชายในที่นี้เรียกว่ารถสักเท่าไร
"เราไม่เห็นรถคุณ คุณเกิดอุบัติเหตุก่อนที่จะมาเจอพวกเราหรือ? .. เอ๊ะ หรือว่าถูกโจรปล้น!!" 
คนช่างสงสัยก็สันนิษฐานไม่เลิกรา เพราะหากดูจากรูปร่างหน้าตาผิวพรรณของสาวน้อยปริศนาผู้นี้ บวกกับชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่แม้ไม่มียี่ห้อแต่เจ้าพ่อแฟชั่นอย่างเขาก็แน่ใจว่ามันมีแต่ของดีๆ
โอเรออนเน่ตาโต ..นึกหวาดกลัวต่อความช่างซักช่างถามช่างสงสัยของมนุษย์ผู้ชายผิวขาวหน้าซีดคนนี้มากซะจริง
จะให้ตอบว่าไง
ก็ไม่ได้พกอะไรติดตัวมานอกจากคฑาและ!!
โอ้ย! แย่แล้ว!! นี่ข้าทำคฑาเวทมนตร์หล่นหายที่ไหน มันไม่ได้อยู่ในมือข้ามานานเท่าไรแล้วนี่? อุ้ย!! หรือว่าน่าจะลืมเอามันมาด้วยหรือเปล่า?
โธ่..ใช่แล้ว .. เดี๋ยวนะ ขอทบทวนความทรงจำนิดสิ
สวมหมวก ใส่รองเท้า เอาตำราเก็บเข้าไว้ที่ชั้น เดินกลับไปเปิดกระเป๋า เช็คการ์คเชิญงานปาร์ตี้ที่จะต้องไปกับยัยมิคาเอลเพื่อนซี้ .. ยิ้มนิดๆ .. ปิดกระเป๋า .. ท่องคาถา 
โอ้ย!! บ้าบอ .. คอระฆัง!!
นี่ข้าลืมคฑาทิ้งไว้บนโต๊ะจริงๆ นั่นแหละ!!
งั้นก็เป็นอันว่าต่อไปจะท่องคาถาใหญ่ๆ ที่จะไว้ใช้ป้องกันตัวอะไรไม่ได้แล้วสิตอนนี้ 
ดีนะ!! .. ที่ยังพอมีคาถาหายตัวได้ติดตัวไว้
แต่แน่ใจนะว่าจะไม่พาตัวเองไปผิดที่อีกอ่ะ?
เพราะตะกี้ก็พยายามจะท่องพาตัวเองหนีหาย แต่ไหงกลับได้เป็นสายฟ้าผ่า .. ฟาดลงมาเปรี้ยงๆ!?
"ข้าเองก็ไม่เห็นรถม้าของพวกท่าน!!"
"รถม้า?" ฟรองซัวส์ตาปริบๆ ในขณะที่ดาม่อนเงยหน้ามาขมวดคิ้ว .. สมองรีบประมวลผล
"เห็นไหมดาม่อน สาวน้อยคนนี้รู้วิธีเรียกอารมณ์ขันได้ดีกว่านายซะอีก .. ใช่ไหม? ใช่ป่ะอลัน" 
คนชมเองก็ยังจะ .. งง
"ทำไมต้องใช้รถม้า ในเมื่อเรานั่งอยู่ในลีมูซีน?"
อลันที่ตามเข้ามางงด้วยช่วยตั้งคำถาม
"พวกท่านหมายถึง .. แคว้นลีมูแซ็งหรือ? ใช่ค่ะ ข้าก็กำลังจะไปที่นั่น" มีความยินดี..ดีใจอยู่ในน้ำเสียงอย่างปิดไม่มิด ... หากแต่ ...
"คุณยังเรียกที่นั่นว่าแคว้นหรือ? ฟังดูโบราณดีแหะ! แต่ว่า..ที่นี่น่ะมันอยู่ห่างไกลจากแคว้นลีมูแซ็งของคุณตั้งหลายไมล์เลยที่รัก ที่นี่ประเทศอังกฤษ..ไม่ใช่ฝรั่งเศส"
ฟรองซัวส์ .. ช่างโหดร้ายจัง!! (อลันคิดในใจ)
"พระช่วย!!" ดวงตาสีเขียวมรกรตเบิกกว้าง
"ก็เมื่อกี้..พวกท่านพูดถึงลีมูแซ็ง .. เมืองนั่นเป็นที่ตั้งของปราสาทของท่านไม่ใช่หรือ?" มองตรงไปยังร่างของเจ้าของดวงตาสีม่วงเข้ม
"ใช่ แต่พวกเรา .. ผมหมายถึงบรรพบุรุษรุ่นหลังๆ ของสกุลเราบางส่วนได้อพยพย้ายตัวเองมาอาศัยอยู่ที่ ประเทศนี้ตั้งนานหลายร้อยปีแล้วล่ะที่รัก แล้วปราสาทนั่น ผมจะกลับไปดูแลมันทุกปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"
งงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องอธิบายอะไรให้แก่เจ้าของดวงตาตัดเพ้อต่อว่า ของสาวน้อยแปลกหน้าคนนี้ด้วยล่ะนี่?
"ลีมูซีนที่ผมพูดถึงคือรถคันนี้" อลันพูดขึ้นบ้าง "ลีมูซีนที่ต้นกำเนิดมาจากรถม้ามีหลังคาเปิด ต่อมาก็มีหลังคาปิดเปิดได้เพราะได้แนวคิดมาจากเสื้อคลุมมีฮู๊คของชาวแคว้นลีมูแซ็งโบราณอีกทีโน่นไง" ขยายความให้อาคันตุกะสาว
"เขาเป็นเจ้าของ" 
ฟรองซัวส์ปุ้ยใบ้ไปทางดาม่อน .. จากกิริยาอาการเพื่อนทุกคนในรถต่างก็รู้ดีว่าบัดนี้เจ้าหมอนี้กำลังรู้สึกสนอกสนใจในตัวสาวปริศนา .. และท่าทางเขาจะชอบเด็กสาวผู้นี้จนออกนอกหน้าเกินไปซะแล้ว
"ที่ที่พวกเราจะไปกันนี่ก็เป็นปราสาทของเขาอีกที่หนึ่งนะ แต่เป็นปราสาททางเหนือที่จะติดกับสก๊อต"
โอเรออนเน่ไม่ได้สนใจฟังเพราะมัวแต่ว้าวุ่นวาย
ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 

**********
♡ ขอขอบคุณทุกโหลดทุกวิวมา ณ ตรงนี้ด้วยจร้า ♡