วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

MY SWEET LADY : น้องน้อยที่รัก ✿❧ บทที่ 3

นิยายแต่งจบแล้วค่ะ กดรับ link ที่รูปภาพนี้เลยนะคะ สู้ๆ

บทที่ 3


นี่จึงเป็นที่มาว่า .. พอสิ้นบุญคุณวรารันกันไปอีกคน คุณธันวาจึงได้รับอุปการะเหมันต์ดุจบุตรชายอีกผู้หนึ่งของเขาเองก็ไม่ปาน
"ครั้งนี้.." 
ดูเหมือนคนจะพูดเองก็พยายามกล้ำกลืนความรู้สึก
"ครั้งนี้พี่ต้นหายไปนานจังค่ะ ไหนเคยสัญญากับคุณน้ำเอาไว้ บอกว่า จะกลับมาบ้านทุกเดือน"
ดวงตาใหญ่ กว้าง ดำขลับ ทว่ามีร่องรอยหม่นหมองที่เจ้าของเองก็คงพยายามซ่อนเอาไว้แต่ไม่มิด .. หันกลับมามอง หากแต่ 'ความในใจ' ก็ทำให้มิอาจมองน้องสาวได้เต็มตา
"คำสัญญาที่พี่เองก็พยายามรักษา แต่พี่เคยบอกคุณน้ำแล้วว่าคนเราบางครั้งก็ไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ได้ทั้งหมด .. คำที่พี่เคยสัญญา.." 
ฝืนยิ้มปลอบประโลมคนตัวเล็กบอบบางด้านข้าง 
"หากไม่ใช่เพราะน้องน้อยของพี่ฟังแล้วจะไม่ดื้อรั้น ไม่งอแง ฟังแล้วสบายใจขึ้น .. พี่ก็ยินดีที่จะสัญญาค่ะ" 
"ยินดี .. แม้ว่านั่นจะเป็นการลดทอนความเชื่อถือ ความไว้ใจซึ่งกันและกันงั้นหรือคะ?" คนเป็นน้องสาวหรุบตาลงต่ำ
"ไม่เอาสิคะคนดี ทุกการกระทำของคนเป็นพี่ชายอย่างพี่ .. เชื่อเถอะว่า อะไรที่ดีงาม เหมาะสม คู่ควรกันกับน้องสาวของพี่คนนี้ .. พี่ยินดีกระทำให้เสมอ"
"พี่ต้นก็ทราบ คุณน้ำ..ไม่อยาก.." 
หยุดไปแค่นั้น เพราะคนพูดคงจะกล้ำกลืนความรู้สึกอยู่ไม่ไหว
……..✿❧
เฮ้!! คุณครับ 
..พวกคุณ ๆ ที่เดินผ่านกันไปมากันอยู่แหละ
ผมมีคำถามอยากถามน่ะว่า .. 
บนหนทางที่ผ่าน ๆ คุณเคยพบเห็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกคนหนึ่งบ้างไหม?
และถ้าหากว่า .. พวกคุณบังเอิญพบเธอ ..
.. เธอกำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า?
ช่วยบอกเธอ .. แทนผมหน่อยสิครับ
บอกเธอว่า .. ผมขอโทษ .. ผมเสียใจ
ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็อยากให้เธออยู่เคียงข้างเสมอ ..
โธ่ .. คุณจะไม่บอกเธอให้ผมหน่อยหรือ ว่าผม .. รักเธอนะ
เสียงทุ้ม นุ่ม .. แผ่วเศร้าเคล้าคลอมากับเสียงกีตาร์โปร่งตัวโปรดของพี่ชาย ที่มักใช้เล่นบ่งบอกอารมณ์ผู้เป็นเจ้าของในยามที่อัดอั้นตันใจกระไรในบางครั้ง
กลิ่นราตรีที่ปลายระเบียงเรือนไม้สีขาวหลังเล็ก .. เริ่มส่งกลิ่นละมุนมาตามลมแผ่วพริ้ว ฉุดรั้งให้ปลายเท้าบอบบางชะงักสักเพียงครู่ ก่อนจรดปลายเท้าก้าวต่อ
"พี่ต้น ..กำลังเล่นเพลงเรียกหาสาวสวยคนไหนในโลกนี้อยู่หรือคะ?"
เสียงใส ๆ เอ่ยแซวเสียงแจ๋ว ๆ เพราะเพียงเธอก้าวเลยพ้นบันไดชานเรือนไม้เก่าสีขาว ที่ชายหนุ่มเลือกมาพักยามเริ่มโตเป็นหนุ่ม .. ร่างบางโผล่พ้นขึ้นมา ผู้เป็นพี่ชายก็วางกีตาร์ .. ดุจรอต้อนรับ
"ก็ ... เรียกใครแถว ๆ นี้แหละ"
คนตอบทำท่ามองลมมองแล้งไปตามเรื่อง
"คุณแม่ให้มาตามไปรับมื้อค่ำค่ะ"
คนน้องแจ้งความเสียงแจ้ว ๆ ราวเด็กหญิงตัวน้อยมักทำเสมอในอดีตยามที่มารดาอันเป็นที่รักมีคำสั่งอ่อนหวาน
'ไปแน่ะค่ะ..คุณน้ำ.. ไปเรียกพี่ชายมากินข้าวกินปลากันเถอะไป คงเพิ่งเลิกเรียนกลับมาซะเย็นค่ำ ป่านนี้จะหิวโงกเสียแล้วล่ะก็ไม่รู้' 
แล้วเด็กหญิงสายธารก็จะวิ่งจนหางเปียปลิวไหว ๆ วิ่งซุกซุนตามหาพี่ชายไปทั่ว
"ป้าแก้วทำยำเล็บมือนางให้ชิมเมื่อบ่ายน่ะ ยังอิ่มอยู่เลย"
ปากพูด แต่ร่างสูงก็เตรียมขยับลุก เพราะให้อย่างไรก็มิอาจขัดความมีน้ำใจต่อบุคคลผู้มีพระคุณทั้งสองท่านได้เด็ดขาด ฉะนั้น ไม่ว่าเรื่องที่ขอหรือสั่งมา ไม่ว่าจะเล็กจะน้อย เหมันต์จึงมิมีวันเห็นเป็นผิดหรือกล้าปฏิเสธได้เต็มคำเลยสักครั้ง
"ป้าแก้วลำเอียง ทีของคุณน้ำได้แค่เกี๊ยวน้ำ"
สาวน้อยทำปากยื่นไปยังปลายระเบียงอีกด้าน ที่แม่นมกำลังสาละวนสั่งเด็กสาวรุ่นขัดเครื่องเรียงจานง่วนอยู่ จนไม่ทันได้สังเกตเห็นสาวน้อยทูนหัวของนางเดินเลาะมาในคราวนี้
"ก็คุณน้ำกินเผ็ดไม่เก่ง"
พี่ชายอมยิ้ม เป็นเชิงแกล้งเยาะเย้ย
"คุณน้ำกินได้"
เถียงเสียงอ่อย
"ได้นิดเดียว แค่พอผงพริกแตะติดปลายช้อน"
คนพี่ไม่เคยยอมให้น้องน้อยของเขาสักเท่าไร ในเรื่องที่มักกะเย่อกะเหย่งเถียง
"พี่ต้นดูผอมลงจังค่ะ ที่โน้นอาหารไม่อร่อยนักหรือ?"
ผู้น้องเปลี่ยนเรื่อง เพราะพอพี่ชายเปลี่ยนมาอยู่ใต้ชุดอยู่บ้านด้วยเสื้อยืดสีขาวคอกลม กับกางเกงขาสั้นสีเข้มกว่า ก็ทำให้ร่างสูงตรงดูซูบซีดขึ้นผิดตาจากแต่ก่อน จนน้องน้อยตีหน้าเหยด้วยความเป็นห่วงพี่ชายไม่วายเว้น
"งานยุ่งมาก เศรษฐกิจกำลังมีปัญหา แถมบริษัทก็ยังมามีลูกค้าลดลง พี่เลยต้องวิ่งเจรจาช่วยคุณอาอาคมวิ่งหาลูกค้าใหม่ ๆ"
ผู้ทำหน้าที่สถาปนิกคนเก่งในเครือบริษัทฯที่รับเหมาก่อสร้างของคุณธันวาเอยเสียงอ่อน เสมือนเป็นการชี้แจง .. แก้ตัวถึงสาเหตุที่ตนต้องหายตัวไปเนิ่นนาน เพราะพอหลังจากเรียนจบ เหมันต์ที่เลือกเรียนด้านสถาปนิกเพราะหัวสมองให้ จบมาก็จึงรับอาสาไปดูแลสาขาทางภาคตะวันออกกลางตอนบนที่กำลังเปิดสู่การค้าเสรีไร้พรมแดน หากแต่เพราะพิษเศรษฐกิจช่วงนี้ การติดต่อเจรจาเซ็นสัญญาต่าง ๆ จึงดูยากเย็นแสนเข็ญและมีจำนวนลดลง ... ด้วยเหตุนี้ แม้คนที่มิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง หากแต่เป็น การทำเพื่อช่วยเหลือผู้มีพระคุณ อะไรที่พอหยิบจับช่วยทำได้ เหมันต์ก็มิคิดที่จะละเลย
"มาครั้งนี้ พี่ต้นจะอยู่ได้นานไหม?"
แม้เสียงจะยังดูใส แต่มิอาจปกปิดความกล้ำกลืน
ก่อนนี้พี่ชายก็เคยกลับมา แต่ทว่ามักจะอยู่เพียงแป็บ ๆ นานสุดก็แค่เพียงวันหรือแค่สองวัน
"ครั้งนี้คงอยู่ได้หลายวันค่ะ เพราะคุณลุงเรียกให้พี่กลับมาช่วยดูแลการตกแต่งเรือน .. ทับทิมให้คุณน้ำ" คนตอบละคำ ว่า 'เรือนหอ' เอาไว้อย่างผู้ที่อยากจะพูดแต่พูดไม่ใคร่เต็มเสียง
"ไปเถอะ กินข้าวกัน พี่ชักเริ่มจะหิวแล้วสิ ยิ่งได้ยินป้าแก้วคุยว่าวันนี้ตั้งแกงเขียวหวานกับผัดฉ่าปลาดุกของโปรดไว้ให้พี่ ว่าแต่ว่า จะหุงข้าวไว้พอหรือเปล่าหนอ เพราะอยู่ที่โน่น อาหารไม่ค่อยถูกปาก .. ป้าแก้วทำอะไรปราณีตจนพี่จะติดเป็นนิสัย จนไปชิมฝีมือใครก็เลยไม่ค่อยจะคล่องคอสักนิดเลย" 
พี่ชายพูดเสียงดังกลบร่องรอยในใจก่อนหน้า ราวกับจะใช้มันขับไล่อะไรบางอย่างไปเสียด้วยกันกับเสียงที่ทำให้ดูสดใสลั่น ๆ นั้น
"ป้าแก้วครับ เดี๋ยวพอผมทานข้าวเสร็จแล้วจะรีบกลับมาช่วยดูหลอดไฟที่ห้องน้ำให้นะครับ ผมว่าแสงมันชักอ่อน ๆ มัว ๆ อย่างไรพิกล แสดงว่าใกล้จะหมดอายุการใช้งานล่ะ ยิ่งพักนี้ป้าบ่นว่าหูตาแย่ ไม่ค่อยดี หากเกิดไฟดับไปกระทันหันช่วงที่ผมไม่อยู่.. เกิดลื่นล้มไปป้าแก้วจะลำบาก" 
คนพูดรู้จักห่วงใยใส่ใจคนรอบข้างอย่างรอบครอบ 
พอพูดถึงตรงนี้ คนที่สาละวนเดินสั่งโน่นนี่จึงได้เงยหน้ามาเห็น 'ทูนหัว' ของตนเองก็ครานี้
"ขอบคุณค่ะคุณต้น อ่ะ..อ้าว!! ต้าย! คุณน้ำเดินมาตอนไหนกันคะ ป้าแก้วไม่เห็น ดูสิ..มัวแต่ยุ่งวุ่นวายเตรียมนับเครื่องเงินเครื่องทองมาขัด กลัวจะไม่ทันวันงานรับขันคุณน้ำแหนะค่ะ" หันซ้ายหันขวา เพราะห่วงลูกมือจะหลุดลื่นมือทำของที่ขัดที่ถือตก "ทานอะไรมาหรือยังคะ อ๋อ!! ตายจริง นี่มันเวลามื้อค่ำแล้วนี่ แย่จริง คนแก่คนเฒ่าก็งี้ล่ะ หลงลืมวันเวลากัน ง่ายดายเหลือเกิน"
คนเป็นแม่นมร่วมของทั้งสองบ่นเหยียดยาวได้ตามประสา 
แต่คำว่า 'ขัดเครื่องเงินเครื่องทองเตรียมรับขัน' ทำให้ผู้ฟังทั้งสองต่างคนต่างเมินหน้าไปกันคนละทาง 
ต่างคนต่างความรู้สึก .. ไม่ต่างกัน



MY SWEET LADY : น้องน้อยที่รัก ✿❧ บทที่ 2

นิยายแต่งจบแล้วค่ะ กดรับ link ที่รูปภาพนี้เลยนะคะ สู้ๆ
"คุณน้ำไม่ได้ขี้ฟ้อง!! พี่ต้นนั่นแหละขี้แกล้งคุณน้ำ!!!"
"เค้าไม่ได้ขี้แกล้ง!! ตัวนั่นแหละ! ชอบมาตามมาวุ่นวายกะเค้าเองนะ" ผู้พี่ชักโกรธจริงโกรธจัง
"ก็อารันเคยสั่งพี่ชายไว้นี่ค่ะว่า 'ต้นเอ้ย..เป็นพี่ก็ต้องดูแลน้องนะ ไปไหนมาไหนให้น้องเล่นด้วย มีอะไรก็ต้องแบ่งต้องปันให้น้องก่อนนะต้นนะ' .. " 
เจ้าตัวท่องได้แม่น .. 
ไม่ผิดคำมารดาของพี่ชายที่สั่งกำชับไว้เลย ... สักคำ!!
มีรอยยิ้มแตะแต้ม เมื่อความทรงจำแจ่มชัดมาถึงตรงนี้
หากพอความเป็นจริงในปัจจุบันก็ .. วกแทรกกลับเข้ามาราว..เย้ยหยัน
สายตาใต้ขนตางอนสวยทอดมองไปยังถนนหน้าบ้าน ซึ่งคือหนทางสู่เบื้องหน้าที่ทอดยาวอย่างเหนื่อยหน่ายขึ้นมาอีกครั้ง
เอื้อมจะแตะตำราจนไปสะดุดตาเข้ากับซากเรือแจวผุ ๆ เก่า ๆ ที่จอดเกยฝั่งเป็นที่อยู่อาศัยของ เหล่าเถาผักบุ้งพันเลี้อยได้สบายไป
ภาพพี่ชายถือพายอยู่ท้ายเรือ ... 
น้องสาวพยายามเอื้อมมือจะไปเด็ดดึงสายบัว ... 
วันนี้อารันจะมีเมนูทำต้มกะทิสายบัว จึงสั่งให้พี่ชายพายเรือมาเก็บ คนเป็นน้องสาวจะไม่มาช่วยพี่ชายได้หรือเล่า?
"นั่งนิ่ง ๆ สิคุณน้ำ .. อย่าดื้อสิ!! เดี๋ยวจะตกลงไป"
เสียงดุ บ่นหงุดหงิดยังไม่ทันจะขาดคำสุดท้าย
..เสียงน้ำ ก็ 'ตูม!!' กระจาย 
พี่ชายโยนพายทิ้ง ... กระโจนตามลงไป…
ไม่คิดถึงชีวิตตนเองเช่นกัน!!
...... ✿❧
เสียงกระดิ่งข้อมือที่ดังกรุ๋งกริ๋งน่ารัก อีกทั้งยังกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยมา ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าผู้ใดที่ย่างกรายเข้ามาสู่เจดีย์เก็บกระดูกหินอ่อนสีขาวนวล ที่บริเวณรอบฐานสะอาดสะอ้านจากการถูกปัดกวาดก่อนหน้านี้ได้ไม่นาน
หากยามเมื่อรับรู้เงียบ ๆ ว่ามีผู้ใดก้าวเข้ามา แม้ยังมิได้หันมามอง ร่างสูงตรงสง่าสมชายชาตรีก็ขยับถอยให้น้องน้อย เพื่อให้เจ้าของร่างบอบบางมีที่ว่างพอเข้ามาวางดอกไม้สีขาวกลิ่นละมุนของดอกลิลลี่ที่คุณวิรารัน มารดาของชายหนุ่มชอบนักหนา มาวางคู่กันกับมาลัยมะลิกรองปลายช่อกุหลาบขาว .. สีโปรดของมารดาอีกเช่นกัน
"บ้านอารันกะคุณอาบดินทร์สะอาดสะอ้านเชียวค่ะ งั้นก็แสดงว่าพี่ต้นกลับมาถึงบ้านนานแล้ว แล้วนี่พี่ต้นกำลังคุยอะไรกับคุณอาทั้งสองอยู่คะ?"
ผู้เป็นน้องหน้านวลขาวแฉล้มเอ่ยชวนคุยเสียงใส  ๆ ทว่าก็ยังฟังดูอ่อนเบา เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็เกรงใจพี่ชายคนนี้ยิ่งนัก
"พี่มาถึงตั้งแต่บ่ายกว่า ๆ แล้วล่ะค่ะ ..รอ..ตั้งนาน ก็เห็นว่ายังไม่กลับมาชักที พี่ก็เลยเดินเลยออกมาคุยกับแม่ เพราะแน่ใจว่าคุณน้ำคงต้องแวะมาหาแม่พี่ก่อนเข้าบ้าน" คนพูดหันมาหา ยิ้มให้ก่อนทอดเสียงอบอุ่น "เห็นดอกไม้ เห็นบ้านแม่สะอาด แปลว่าคุณน้ำน่าจะแวะมาคุยกับแม่พี่เกือบทุกวัน .. ขอบคุณนะคะ" 
หางเสียงสุภาพนุ่มทุ้มเอ่ยเรื่อย ๆ มาจนกระทั่งติดที่คำว่า 'รอ...' ก่อนจะรีบต่อประโยคอื่นเพื่อกลบกลืนความในใจ
"ไม่เป็นไรซะหน่อยค่ะ อารันเป็นคุณอาที่ใจดีกับคุณน้ำมาก ๆ ที่ทำให้ได้แค่นี้ยังถือว่าน้อยมาก ว่าแต่พี่ต้นเถอะค่ะ .. จะกลับบ้านวันนี้ ทำไมไม่มีใครบอกคุณน้ำเลยล่ะ" 
น้ำเสียงเริ่มฟังดูคล้าย ๆ จะตัดเพ้อและแง่งอน  
"อีกอย่างวันนี้ คุณน้ำมีประชุมคณะที่มหาลัยค่ะ เลยไม่ทราบจริง ๆ ว่าพี่ต้นจะกลับบ้าน ไม่เห็นมีใครโทรฯบอกคุณน้ำบ้างเลย" 
ประโยคหลังแฝงคำอุธรณ์ แอบต่อว่าพี่ชายอยู่กลาย ๆ ไม่กล้าจะต่อว่าเขาได้เองตรง ๆ อีกเช่นกัน
"พี่ไม่ได้โทรฯบอกใครก่อน ไม่อยากให้ป้าแก้ววุ่นวายเตรียมอาหารให้พี่ แล้วที่มาถึงยังไม่โทรฯบอกเพราะอยากแกล้งให้คุณน้ำตกใจเล่น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ เพราะพี่กลับเป็นฝ่ายโดนโกรธซะได้สิ ..รู้งี้.. ยังไม่กลับมาซะก็ดี" 
พี่ชายดูจะอารมณ์ดีขึ้นมานิด ๆ ที่เห็นอาการแง่งอนไม่พอใจของผู้ที่นับเป็นน้องต่อการที่เขาหายหน้าหายตาไปนาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนเป็นน้องที่ทำท่าแง่งอนมากแค่ไหน ย่อมแปลว่า 'คิดถึง' พี่ชายคนนี้มากแค่นั้น ทั้งที่หญิงสาวเองก็พยายามเก็บอาการซ่อนไว้ แต่ก็ไม่เคยมิดจากคนที่ผูกพันกันมานานเช่นเขา ... ดังนั้นพอเขาพูดจบประโยคหลัง จึงได้โดนสายตาคมตวัดค้อนส่งมาให้เป็นรางวัลที่น่า 'ชื่นใจ' อีกจนได้
ส่วนป้าแก้มที่อ้างถึง คือผู้ทำหน้าที่แม่นมของสายธารนั้นเอง ซึ่งต่อมาก็ได้รับหน้าที่มารดาต่อแทนคุณวรารัน หลังจากเธอสิ้นบุญติดตามสามี เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของคุณธันวา บิดาของสาวน้อยไป หลังจากพาเหมันต์มาพึ่งพาอาศัยใบบุญอยู่ได้เพียงราว ๆ แปดปีกว่า ๆ ด้วยโรคประจำตัวของเธอ
ความจริงคุณวรารันเองก็อาจจะรู้ตัวอยู่ล่วงหน้าบ้างว่า 'วันจากลา' ลูกชายจะมาถึงในไม่ช้า จึงตัดสินใจหอบหิ้วกันมาอาศัยใต้ร่มใบบุญของธันวา ที่จะว่ากันตามจริง คุณธันวาเองก็นับว่าเป็นหนี้บุญคุณ เพื่อนรักอย่างคุณบดินทร์ บิดาของเหมันต์ทั้งชีวิต เพราะหากจะย้อนเรื่องกลับไปจนถึงรุ่นบิดามารดาของพวกเขาทั้งหมดก็เคยผูกพันแนบแน่นและเนิ่นนานกันมาอยู่ก่อนนานแล้ว
คุณบดินทร์ถือเป็นพี่ใหญ่สุด และเป็นเพื่อนรักสนิทกันกับคุณธันวามากที่สุดมาตั้งแต่เยาว์ และพอคนทั้งคู่เริ่มโตเป็นหนุ่ม คุณบดินทร์ไปพบรักกับคุณวรารัน ในขณะที่คุณธันวาเองก็แอบมีใจให้คุณวรารันด้วยเช่นกัน 
เริ่มแรกช่วงนั้นคุณบดินทร์เองก็ทราบว่าคุณธันวาแอบสนใจคุณวรารัน และเพราะคุณบดินทร์มีฐานะยากจนกว่าคุณธันวามากเหลือเกิน กอปรกับความรักที่มีต่อเพื่อน คุณบดินทร์จึงแอบพยายามเปิดทางให้แก่คุณธันวาเสมอ แต่สุดท้าย คุณวรารันก็เลือกคุณบดินทร์เป็นคู่ชีวิตของเธออยู่ดี
หลังจากทั้งคู่แต่งงานจนถือกำเนิดเด็กชายเหมันต์ได้เพียงไม่กี่ปี คุณธันวาก็ถูกทางบ้านขอให้ลงเอยกับคุณยมนา ซึ่งก็เป็นหญิงสาวที่มีฐานะเท่าเทียมกันและค่อนข้างจะหัวอ่อน เชื่อฟังบิดามารดาให้มาแต่งงานกับคนที่ตนไม่เคยรัก แต่ก็แค่รู้จักกันเพียงผิวเผินเธอก็ยอมมาแต่งให้ คุณธันวาแม้ไม่รักใคร่แต่ก็ไม่ใช่คนใจดำละเลยใครมาก่อน อยู่ด้วยกันไปนานวันเข้า ความอ่อนโยนอ่อนหวานและใจเย็นของคุณยมนาก็เอาชนะใจคุณธันวา จนทั้งคู่ต่างก็หันมารักกันได้ในที่สุด .. 
จากนั้นก็ถือกำเนิดเด็กหญิงสายธารขึ้นมา
เมื่อต่างคนต่างมีครอบครัว .. ก็จึงแยกย้ายห่างกันไป 
แต่ไม่นานนัก คุณบดินทร์ที่นิสัยมักซื่อสัตย์ ซื่อตรงไม่ค่อยทันคนก็ถูกโกงจนหมดตัว คุณธันวาสงสารเพื่อนจึงได้ลากมือให้มาทำงานด้วยกันในตำแหน่งผู้ช่วยประธานบริษัท
จนกระทั่งวันหนึ่ง ทั้งคู่ออกไปตรวจงานที่โรงงานอะไหล่ในนิคมอุตสาหกรรมชานเมือง ขากลับออกจากโรงงานมาได้ไม่ไกลนัก บังเอิญมีรถบรรทุกสินค้าเบรคแตก พุ่งข้ามเกาะกลางถนนเข้ามายังฝั่งคุณธันวานั่งโดยสารพอดี คุณบดินทร์เห็นทั้งผู้เป็นเพื่อนรักและผู้มีพระคุณตกอยู่ในอันตราย จึงพุ่งตัวเองไปกำบังเขาเอาไว้ นั่นจึงเท่ากับเขาเอาชีวิตเข้าแลกให้เพื่อนผู้มีพระคุณอยู่รอด จนตัวเองต้องเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที คุณธันวาถือตนว่าเป็นหนี้บุญคุณเพื่อนรักมากเช่นกัน จึงตั้งมั่นว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะไม่มีวันทอดทิ้งครอบครัวเพื่อนผู้ที่รักและซื่อสัตย์ต่อเขาเด็ดขาด จึงได้เอารับคุณวรารันและบุตรชายวัย 9 ปีมาดูแลส่งเสียเขาเล่าเรียนเท่ากับบุตรตนเอง ซึ่งคุณวรารันเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ด้วยก็มิได้นิ่งดูดายสักเพียงเล็กน้อย หยิบจับช่วยเหลือรับหน้าที่ดูแลบ้าน ดูแลอาหาร และช่วยร่วมเลี้ยงดูเด็กหญิงสายธารคู่กันกับป้าแก้วมาโดยตลอด
อีกทั้งภาระยังจะตกหนักมาที่บุตรชายคนเดียวด้วย ที่ต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงรับเชิญโดยมิได้เต็มอกเต็มใจกระไรนัก จึงมักจะเกิดกรณีพิพาทกันระหว่างพี่น้องคู่นี้อยู่อย่างสม่ำเสมอกันเชียวล่ะ .. 
แต่ไม่ว่าจะเผลอเล่นกันแรงเล่นกันเลยเถิดมากแค่ไหน หากพอไม่ใครก็ใครจะได้โดนลงโทษ อีกฝ่ายก็มักจะออกหน้าปกป้องกันและกันอยู่เสมออีกเช่นเดียวกันนั่นแหละ



MY SWEET LADY : น้องน้อยที่รัก ✿❧ บทที่ 1

นิยายแต่งจบแล้วค่ะ กดรับ link ที่รูปภาพนี้เลยนะคะ สู้ๆ

บทที่ 1

เส้นแนวนอน


สายลมพัดเอื่อย ๆ เรื่อยเข้าสู่ใต้ร่มซุ้มเขียวแซมชมพู ของดอกเล็บมือนาง .. ส่งกลิ่นหอมละมุนมากับสายลมเย็นที่พัดผ่านสระน้ำกว้างมาอยู่เป็นระยะ ๆ ... กอบัวประดับสีม่วงชูช่ออยู่ไหว ๆ ไปตามแรงลมเบาที่แผ่วผ่านเข้ามา
ร่างเล็กบอบบางในชุดเสื้อกับกระโปรงติดกันลายดอกสีชมพูอมม่วง มองเผิน ๆ จะดูราวกับเด็กสาวมากกว่าสาวน้อยผู้ซึ่งกำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า .. 
เอื้อมมือบางมาปิดหนังสือตำราเรียนเล่มหนา .. อ่อนล้าจากการคร่ำเคร่ง
หยิบแก้วน้ำส้มคั้นที่เด็กสาวรุ่น ๆ เพิ่งจะนำมาวางไว้ให้คู่กันกับกระทงทองไส้กุ้งสับ ซึ่งเป็นของว่างสำหรับวันนี้ และก็แน่นอน ที่เด็กนั่นคงได้รับคำสั่งมาจากป้าแก้ว .. แม่นมคนดีของเธอนั่นน่ะแหละ 
วางแก้วก่อนทิ้งร่างกลับลงสู่หมอนอิงพิงชิงช้าไม้สีขาวตัวใหญ่ ที่ถูกตั้งไว้นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ใต้ซุ้มเล็บมือนางเก่าแก่ต้นที่ว่านี้เอง
ตาคมวับ กระจ่าง เรียวยาวราวตากวางทอดมองแลเลย เพราะถัดไปเบื้องหน้าไม่ไกลก็จะเป็นสระบัวยาวที่ขุดให้ทอดขนานไปตามถนนลาดปูนก่อนวกตัดตรงเข้าสู่ลานหน้าเรือนไม้ทรงไทยโบราณ ซึ่งสร้างจากไม้สักแดงทั้งหลัง แยกออกไปทางฝั่งขวาของบ้านใหญ่จะเป็นสนามโล่งกว้างขวาง ก่อนจะไปบรรจบกับรั้วไผ่สีทอง .. ที่อีกเช่นกันว่าหากเลยหลังจากรั้วกอไผ่ไปก็จะเป็นสระบัวทอดยาวเสมือนเป็นกำแพงป้องกันบริเวณบ้านอีกชั้นหนึ่ง
สมัยยามเป็นเด็กหญิง วัยกำลังซน 'สายธาร' ชอบนักที่จะมาวิ่งเล่น วิ่งไล่หรือแม้แต่ไล่ตะครุบครอบแมลงปอบ้าง แมลงเต่าทองบ้าง หรือไม่บางทีก็ผีเสื้อแสนสวย เก็บใส่กล่องเจาะรู สะสมไว้แข่งกันกับเด็กชายร่างสูงโย่งเป็นที่สนุกสนาน ก่อนที่สุดท้ายก็จะปล่อยพวกมันกลับไป 
ซึ่งบางตัวก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะปีกหัก ปีกแหว่งไปบ้าง จนสุดท้ายพี่ชายต้องออกกฎ 
"ใครทำแมลงปีกแหว่ง คนนั้นโดนปรับแพ้ทันที"
ครั้นพอเจ้าตัวคนออกกฎเผลอทำปีกหลุด ก็จะตะโกน 
"ว้า ไม่สนุกล่ะ ไปสอยมะม่วงจิ้มกะปิหวานดีกว่า" 
แล้วเธอก็จะได้ไปเกาะโคนต้นมะม่วงแก้ว 
..ชะเง้อชะแง้.. ปัดแขนขาหนีมดแดงหวงพวงมะม่วง .. รอพี่ชายตัวดีอยู่ที่ใต้โคนต้น
และลานตรงนี้เช่นกันที่บางคาบบางครายามหัวค่ำ ... 
เธอกับ 'เหมันต์' หรือ 'พี่ต้น' .. พี่ชายคนสนิทที่มักจะมาจับจองเอาเสื่อกกมาปูลาดนอนแผ่หราชี้ชวนดูกลุ่มดาวดวงนั้นดวงนี้ จนบางทีคนถูกซักถูกถามมาก ๆ จะเกาหัวแกรก ๆ 
ดุ เสียงขุ่น
"เลิกถาม เลิกสงสัยบ้างก็ได้นะคุณน้ำ!! เก็บคำถามเอาไว้ถามวันอื่นบ้างซี้ พี่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์นะคะ จะได้ตอบรับคำตอบของแม่นกแก้วนกขุนทองได้ทุก ๆ คำถาม" 
"พี่ต้นเป็นคอมพิวเตอร์ไม่ได้หรอกค่ะ ก็เพราะพี่ต้นกินข้าวนี่คะ คุณน้ำไม่เคยเห็นพี่ต้นกินไฟฟ้า หรือว่ามีสายเสียบปลั๊กที่ก้นสักกะหน่อย" 
ตาใสแป๋วโต้ตอบมาทันควันเพราะเห็นตามนั้นจริง
"แสนรู้!!" 
เสียงขุ่นหนักกว่าเดิมที่โดนคนตัวเล็กกว่ายอกย้อนเอาซะได้
"พี่ต้น! นิสัยไม่ดี!! พี่ต้นว่าคุณน้ำเป็นไอ้จูปีเตอร์" 
เจ้าของชื่อคือสุนัขสี่ขาพันทางที่นายแม้นคนสวนเลี้ยงเอาไว้เอาบุญ แล้วชื่อเท่ ๆ ที่ได้มาก็เพราะพี่ชายก็คือผู้ที่ตั้งชื่อให้แก่มันนั่นเอง
"พี่ชมคุณน้ำหรอกค่ะ ว่าฉลาด" 
คนพี่โคลงหัวแถ .. แต่คนน้องเอียงคอเถียง
"ไม่จริง!!  อันนี้พี่ต้นเอาไว้ชมเจ้าจู ชมเวลามันวิ่งไปคาบกิ่งไม้มาให้พี่ต้นได้นี่คะ" จำเรื่องราวได้แม่น
"เอ้า!! ชมหมากะชมคนมันก็เหมือนกันสิ" 
พี่ชายไม่ยอมแพ้
"ไม่เหมือน!! คุณน้ำเดินสองขา เจ้าจูมันวิ่งสี่ขา" 
น้องสาวชักมีโมโห
"แล้วกินข้าวเหมือนกันหรือเปล่า?" 
เด็กชายเหมันต์หันมาตั้งคำถามเพื่อจะหาข้อเปรียบเทียบให้จงได้
"กินสิ!! คุณน้ำกินข้าวได้" 
เด็กหญิงสายธารตอบรับ ... พี่ชายยิ้ม
"แต่คุณน้ำใช้ช้อนกะส้อม เจ้าจูไม่ต้องใช้นี่นา" 
บ่งบอกได้อยู่นะว่าเด็กหญิงเองก็ฉลาดเฉลียวอยู่มากเชียวล่ะ
เป๊าะ!! 
โอ๊ะ!!
พอสิ้นเสียงดีดมะเหม่งที่สองข้างด้านหลังถูกมัดไว้เป็นเปียเล็ก ๆ สองเปีย ก็มีเสียงฮึม ๆ
"นี่แน่!! ใช้ช้อนกะส้อม! กินข้าวทียังต้องให้พี่วิ่งไล่ป้อนอยู่เลย ..ขี้ตู่ ..ขี้เถียงดีนักนะคะ!!"
พี่ชายที่อดใจไม่ไหว..หันมาดีดเหม่งน้องสาวเสียงดังลั่น 
ผลคือ…
.. แง!! .. แง!!! ..
เหมันต์ต้องรีบกระโจนมาตะครุบปากสีสดห้อยย้อยที่เมื่อกี้เถียงพี่ชายตาแป๋ว ๆ .. หากแต่บัดนี้.. คนช่างเถียงกลับมีน้ำตาระยับมาเกาะพราวแทนที่ เพราะคนเป็นพี่ชายคงฉุนจัดก็เลยลงโทษหนักมือกันไปสักหน่อย
"โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคะ..ไม่ร้อง น้องน้อยเด็กดี น้องน้อยคนเก่ง" 
เสียงขุ่น ๆ เมื่อก่อนหน้ารีบเปลี่ยนมาเป็นพูดจาอ่อนโยน ปลอบใจ สีหน้าแลดูกังวลจนเสียงแง ๆ จึงจะค่อย ๆ ลดเบาลงจนถึงเงียบหาย แต่ยังมีอาการสะอื้นฮักให้เห็นอยู่บ้างเป็นระยะ ๆ
"ไหน .. มาให้พี่ชายดูสิคะ เจ็บมากไหม?"
น้ำเสียงอ่อน ๆ กังวลของพี่ชายที่มักหยุดชะงักน้องน้อยได้เสมอ 
แต่คนถาม ถามเพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองคงลงหนักมือไปหน่อยด้วยที่ความมีอารมณ์เคืองขุ่น
มือใหญ่คร้ามเข้มดึงมือขาวบางนุ่มนิ่มเล็ก ๆ ที่กุมเหม่งไว้ออกมาดู เพราะอยากให้แน่ใจว่าไม่มีรอยปูดโนให้เห็นเป็นหลักฐานฟ้องจับผู้กระทำความผิด
เด็กหญิงพยักหน้า จนน้ำตาร่วงเผาะ ๆ จากกรอบขนตาดกหนาเป็นกระจุก ที่บัดนี้เกาะกันเป็นกลุ่ม เนื่องจากหยาดน้ำตาจับเต็ม
"มาค่ะ พี่ชายท่องคาถาเป่าเพี้ยง!! โอม..เป่าเพี้ยง ๆ หายเจ็บ .. หายเจ็บ" 
เป่ากระหม่อมหลอกน้องสาวสำเร็จก็ใช้ฝ่ามืออุ่นคลึง ๆ ให้
"ห้ามไปฟ้องแม่พี่นะคะว่าโดนพี่ดีดเหม่งมาน่ะ" 
พอต่างฝ่ายต่างสบายใจกัน คนพี่เริ่มหันซ้ายแลขวา 
กลัวใครได้ยินเสียงน้องร้องแล้วเดินมาเห็นรูปคดีและอีกทั้งคนน้องก็ปากเปราะชะมัด หากไม่มีการกำชับกำชา เตี๊ยม ดักทางกันไว้ก่อนละก็..น้องมักพาซื่อ ชอบเล่าความได้หมดตามประสาเด็กช่างพูดช่างจำ
เขาไม่อยากถูกมารดาดุหรือบ่นว่าเรื่องไม่ดูแลน้อง .. แล้วต่อไปจากนั้นก็จะมีการร่ายยาวถึงหนี้บุญคุณของเจ้าของบ้าน ซึ่งก็คือบิดาและมารดาของน้องสาวช่างซักช่างเถียงคนนี้ตามมาอีกเป็นสามสี่กระบุงโกยโน่นเลยเชียว 
เขาไม่ใช่ไม่เชื่อฟังในสิ่งที่มารดาคอยพร่ำสอน หากแต่ความเป็นเด็กผู้ชาย มันก็มีบางทีที่จะเผลอเล่นอะไรแรง ๆ ไปบ้างก็เท่านั้น
"ไม่ฟ้อง คุณน้ำไม่ใช่เด็กขี้ฟ้อง" 
ตาเปียก ๆ ปากสดแดงย้อยยืนยัน เพราะเคยมีหลายก่อนหน้าที่โดนพี่ชายปรามาสใส่หน้าอยู่เป็นประจำ
"เอ้า!! เจ้าข้าเอ้ย มาดู มาดู มีเด็กขี้ฟ้องขี้แงอยู่ตรงนี้ ตุ๊กแกเอ้ย!! มาเร็ว ๆ มากินตับเด็กขี้ฟ้อง"
แล้วเด็กชายใกล้วัยรุ่นก็มักจะทำท่าป้องปากตะโกนไปทางต้นมะขามใหญ่ ที่สายธารรู้ดีว่ามีตุ๊กแกอาศัยซ่อนอยู่