วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

MY SWEET LADY : น้องน้อยที่รัก ✿❧ บทที่ 2

นิยายแต่งจบแล้วค่ะ กดรับ link ที่รูปภาพนี้เลยนะคะ สู้ๆ
"คุณน้ำไม่ได้ขี้ฟ้อง!! พี่ต้นนั่นแหละขี้แกล้งคุณน้ำ!!!"
"เค้าไม่ได้ขี้แกล้ง!! ตัวนั่นแหละ! ชอบมาตามมาวุ่นวายกะเค้าเองนะ" ผู้พี่ชักโกรธจริงโกรธจัง
"ก็อารันเคยสั่งพี่ชายไว้นี่ค่ะว่า 'ต้นเอ้ย..เป็นพี่ก็ต้องดูแลน้องนะ ไปไหนมาไหนให้น้องเล่นด้วย มีอะไรก็ต้องแบ่งต้องปันให้น้องก่อนนะต้นนะ' .. " 
เจ้าตัวท่องได้แม่น .. 
ไม่ผิดคำมารดาของพี่ชายที่สั่งกำชับไว้เลย ... สักคำ!!
มีรอยยิ้มแตะแต้ม เมื่อความทรงจำแจ่มชัดมาถึงตรงนี้
หากพอความเป็นจริงในปัจจุบันก็ .. วกแทรกกลับเข้ามาราว..เย้ยหยัน
สายตาใต้ขนตางอนสวยทอดมองไปยังถนนหน้าบ้าน ซึ่งคือหนทางสู่เบื้องหน้าที่ทอดยาวอย่างเหนื่อยหน่ายขึ้นมาอีกครั้ง
เอื้อมจะแตะตำราจนไปสะดุดตาเข้ากับซากเรือแจวผุ ๆ เก่า ๆ ที่จอดเกยฝั่งเป็นที่อยู่อาศัยของ เหล่าเถาผักบุ้งพันเลี้อยได้สบายไป
ภาพพี่ชายถือพายอยู่ท้ายเรือ ... 
น้องสาวพยายามเอื้อมมือจะไปเด็ดดึงสายบัว ... 
วันนี้อารันจะมีเมนูทำต้มกะทิสายบัว จึงสั่งให้พี่ชายพายเรือมาเก็บ คนเป็นน้องสาวจะไม่มาช่วยพี่ชายได้หรือเล่า?
"นั่งนิ่ง ๆ สิคุณน้ำ .. อย่าดื้อสิ!! เดี๋ยวจะตกลงไป"
เสียงดุ บ่นหงุดหงิดยังไม่ทันจะขาดคำสุดท้าย
..เสียงน้ำ ก็ 'ตูม!!' กระจาย 
พี่ชายโยนพายทิ้ง ... กระโจนตามลงไป…
ไม่คิดถึงชีวิตตนเองเช่นกัน!!
...... ✿❧
เสียงกระดิ่งข้อมือที่ดังกรุ๋งกริ๋งน่ารัก อีกทั้งยังกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยมา ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าผู้ใดที่ย่างกรายเข้ามาสู่เจดีย์เก็บกระดูกหินอ่อนสีขาวนวล ที่บริเวณรอบฐานสะอาดสะอ้านจากการถูกปัดกวาดก่อนหน้านี้ได้ไม่นาน
หากยามเมื่อรับรู้เงียบ ๆ ว่ามีผู้ใดก้าวเข้ามา แม้ยังมิได้หันมามอง ร่างสูงตรงสง่าสมชายชาตรีก็ขยับถอยให้น้องน้อย เพื่อให้เจ้าของร่างบอบบางมีที่ว่างพอเข้ามาวางดอกไม้สีขาวกลิ่นละมุนของดอกลิลลี่ที่คุณวิรารัน มารดาของชายหนุ่มชอบนักหนา มาวางคู่กันกับมาลัยมะลิกรองปลายช่อกุหลาบขาว .. สีโปรดของมารดาอีกเช่นกัน
"บ้านอารันกะคุณอาบดินทร์สะอาดสะอ้านเชียวค่ะ งั้นก็แสดงว่าพี่ต้นกลับมาถึงบ้านนานแล้ว แล้วนี่พี่ต้นกำลังคุยอะไรกับคุณอาทั้งสองอยู่คะ?"
ผู้เป็นน้องหน้านวลขาวแฉล้มเอ่ยชวนคุยเสียงใส  ๆ ทว่าก็ยังฟังดูอ่อนเบา เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็เกรงใจพี่ชายคนนี้ยิ่งนัก
"พี่มาถึงตั้งแต่บ่ายกว่า ๆ แล้วล่ะค่ะ ..รอ..ตั้งนาน ก็เห็นว่ายังไม่กลับมาชักที พี่ก็เลยเดินเลยออกมาคุยกับแม่ เพราะแน่ใจว่าคุณน้ำคงต้องแวะมาหาแม่พี่ก่อนเข้าบ้าน" คนพูดหันมาหา ยิ้มให้ก่อนทอดเสียงอบอุ่น "เห็นดอกไม้ เห็นบ้านแม่สะอาด แปลว่าคุณน้ำน่าจะแวะมาคุยกับแม่พี่เกือบทุกวัน .. ขอบคุณนะคะ" 
หางเสียงสุภาพนุ่มทุ้มเอ่ยเรื่อย ๆ มาจนกระทั่งติดที่คำว่า 'รอ...' ก่อนจะรีบต่อประโยคอื่นเพื่อกลบกลืนความในใจ
"ไม่เป็นไรซะหน่อยค่ะ อารันเป็นคุณอาที่ใจดีกับคุณน้ำมาก ๆ ที่ทำให้ได้แค่นี้ยังถือว่าน้อยมาก ว่าแต่พี่ต้นเถอะค่ะ .. จะกลับบ้านวันนี้ ทำไมไม่มีใครบอกคุณน้ำเลยล่ะ" 
น้ำเสียงเริ่มฟังดูคล้าย ๆ จะตัดเพ้อและแง่งอน  
"อีกอย่างวันนี้ คุณน้ำมีประชุมคณะที่มหาลัยค่ะ เลยไม่ทราบจริง ๆ ว่าพี่ต้นจะกลับบ้าน ไม่เห็นมีใครโทรฯบอกคุณน้ำบ้างเลย" 
ประโยคหลังแฝงคำอุธรณ์ แอบต่อว่าพี่ชายอยู่กลาย ๆ ไม่กล้าจะต่อว่าเขาได้เองตรง ๆ อีกเช่นกัน
"พี่ไม่ได้โทรฯบอกใครก่อน ไม่อยากให้ป้าแก้ววุ่นวายเตรียมอาหารให้พี่ แล้วที่มาถึงยังไม่โทรฯบอกเพราะอยากแกล้งให้คุณน้ำตกใจเล่น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ เพราะพี่กลับเป็นฝ่ายโดนโกรธซะได้สิ ..รู้งี้.. ยังไม่กลับมาซะก็ดี" 
พี่ชายดูจะอารมณ์ดีขึ้นมานิด ๆ ที่เห็นอาการแง่งอนไม่พอใจของผู้ที่นับเป็นน้องต่อการที่เขาหายหน้าหายตาไปนาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนเป็นน้องที่ทำท่าแง่งอนมากแค่ไหน ย่อมแปลว่า 'คิดถึง' พี่ชายคนนี้มากแค่นั้น ทั้งที่หญิงสาวเองก็พยายามเก็บอาการซ่อนไว้ แต่ก็ไม่เคยมิดจากคนที่ผูกพันกันมานานเช่นเขา ... ดังนั้นพอเขาพูดจบประโยคหลัง จึงได้โดนสายตาคมตวัดค้อนส่งมาให้เป็นรางวัลที่น่า 'ชื่นใจ' อีกจนได้
ส่วนป้าแก้มที่อ้างถึง คือผู้ทำหน้าที่แม่นมของสายธารนั้นเอง ซึ่งต่อมาก็ได้รับหน้าที่มารดาต่อแทนคุณวรารัน หลังจากเธอสิ้นบุญติดตามสามี เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของคุณธันวา บิดาของสาวน้อยไป หลังจากพาเหมันต์มาพึ่งพาอาศัยใบบุญอยู่ได้เพียงราว ๆ แปดปีกว่า ๆ ด้วยโรคประจำตัวของเธอ
ความจริงคุณวรารันเองก็อาจจะรู้ตัวอยู่ล่วงหน้าบ้างว่า 'วันจากลา' ลูกชายจะมาถึงในไม่ช้า จึงตัดสินใจหอบหิ้วกันมาอาศัยใต้ร่มใบบุญของธันวา ที่จะว่ากันตามจริง คุณธันวาเองก็นับว่าเป็นหนี้บุญคุณ เพื่อนรักอย่างคุณบดินทร์ บิดาของเหมันต์ทั้งชีวิต เพราะหากจะย้อนเรื่องกลับไปจนถึงรุ่นบิดามารดาของพวกเขาทั้งหมดก็เคยผูกพันแนบแน่นและเนิ่นนานกันมาอยู่ก่อนนานแล้ว
คุณบดินทร์ถือเป็นพี่ใหญ่สุด และเป็นเพื่อนรักสนิทกันกับคุณธันวามากที่สุดมาตั้งแต่เยาว์ และพอคนทั้งคู่เริ่มโตเป็นหนุ่ม คุณบดินทร์ไปพบรักกับคุณวรารัน ในขณะที่คุณธันวาเองก็แอบมีใจให้คุณวรารันด้วยเช่นกัน 
เริ่มแรกช่วงนั้นคุณบดินทร์เองก็ทราบว่าคุณธันวาแอบสนใจคุณวรารัน และเพราะคุณบดินทร์มีฐานะยากจนกว่าคุณธันวามากเหลือเกิน กอปรกับความรักที่มีต่อเพื่อน คุณบดินทร์จึงแอบพยายามเปิดทางให้แก่คุณธันวาเสมอ แต่สุดท้าย คุณวรารันก็เลือกคุณบดินทร์เป็นคู่ชีวิตของเธออยู่ดี
หลังจากทั้งคู่แต่งงานจนถือกำเนิดเด็กชายเหมันต์ได้เพียงไม่กี่ปี คุณธันวาก็ถูกทางบ้านขอให้ลงเอยกับคุณยมนา ซึ่งก็เป็นหญิงสาวที่มีฐานะเท่าเทียมกันและค่อนข้างจะหัวอ่อน เชื่อฟังบิดามารดาให้มาแต่งงานกับคนที่ตนไม่เคยรัก แต่ก็แค่รู้จักกันเพียงผิวเผินเธอก็ยอมมาแต่งให้ คุณธันวาแม้ไม่รักใคร่แต่ก็ไม่ใช่คนใจดำละเลยใครมาก่อน อยู่ด้วยกันไปนานวันเข้า ความอ่อนโยนอ่อนหวานและใจเย็นของคุณยมนาก็เอาชนะใจคุณธันวา จนทั้งคู่ต่างก็หันมารักกันได้ในที่สุด .. 
จากนั้นก็ถือกำเนิดเด็กหญิงสายธารขึ้นมา
เมื่อต่างคนต่างมีครอบครัว .. ก็จึงแยกย้ายห่างกันไป 
แต่ไม่นานนัก คุณบดินทร์ที่นิสัยมักซื่อสัตย์ ซื่อตรงไม่ค่อยทันคนก็ถูกโกงจนหมดตัว คุณธันวาสงสารเพื่อนจึงได้ลากมือให้มาทำงานด้วยกันในตำแหน่งผู้ช่วยประธานบริษัท
จนกระทั่งวันหนึ่ง ทั้งคู่ออกไปตรวจงานที่โรงงานอะไหล่ในนิคมอุตสาหกรรมชานเมือง ขากลับออกจากโรงงานมาได้ไม่ไกลนัก บังเอิญมีรถบรรทุกสินค้าเบรคแตก พุ่งข้ามเกาะกลางถนนเข้ามายังฝั่งคุณธันวานั่งโดยสารพอดี คุณบดินทร์เห็นทั้งผู้เป็นเพื่อนรักและผู้มีพระคุณตกอยู่ในอันตราย จึงพุ่งตัวเองไปกำบังเขาเอาไว้ นั่นจึงเท่ากับเขาเอาชีวิตเข้าแลกให้เพื่อนผู้มีพระคุณอยู่รอด จนตัวเองต้องเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที คุณธันวาถือตนว่าเป็นหนี้บุญคุณเพื่อนรักมากเช่นกัน จึงตั้งมั่นว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะไม่มีวันทอดทิ้งครอบครัวเพื่อนผู้ที่รักและซื่อสัตย์ต่อเขาเด็ดขาด จึงได้เอารับคุณวรารันและบุตรชายวัย 9 ปีมาดูแลส่งเสียเขาเล่าเรียนเท่ากับบุตรตนเอง ซึ่งคุณวรารันเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ด้วยก็มิได้นิ่งดูดายสักเพียงเล็กน้อย หยิบจับช่วยเหลือรับหน้าที่ดูแลบ้าน ดูแลอาหาร และช่วยร่วมเลี้ยงดูเด็กหญิงสายธารคู่กันกับป้าแก้วมาโดยตลอด
อีกทั้งภาระยังจะตกหนักมาที่บุตรชายคนเดียวด้วย ที่ต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงรับเชิญโดยมิได้เต็มอกเต็มใจกระไรนัก จึงมักจะเกิดกรณีพิพาทกันระหว่างพี่น้องคู่นี้อยู่อย่างสม่ำเสมอกันเชียวล่ะ .. 
แต่ไม่ว่าจะเผลอเล่นกันแรงเล่นกันเลยเถิดมากแค่ไหน หากพอไม่ใครก็ใครจะได้โดนลงโทษ อีกฝ่ายก็มักจะออกหน้าปกป้องกันและกันอยู่เสมออีกเช่นเดียวกันนั่นแหละ