✨☝ นิยายแต่งจบรับ eBook ได้ที่ CLICK TO GET ME NOW ได้เลย ☝✨
จากความอ่อนโยนของแสงอาทิตย์ยามอัสดงที่กำลังจะจูบลาขอบเขาไกล ๆ กับสายลมเย็นที่พัดผ่าน ความสงบเงียบที่ได้รับ ทำให้เธอนึกอยากจะหาซื้อที่ปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ แบบนั้นไว้สักหลังหนึ่งเพื่อเอาไว้สำหรับพักผ่อนซะแล้วซิ ..แต่คงยังอีกนาน...นานมาก ๆ เลยแหละ
หญิงสาวอมยิ้มให้กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งเอาไว้ในรถ มันดังเป็นเพลงโปรดของเธอ
กวินนั่นเองล่ะที่เป็นผู้โทรเข้ามา
"ตะวัน..เป็นอะไรหรือเปล่า? ตอนนี้อยู่ที่ไหนน่ะ .. ทำไมยังไม่ถึงบริษัทฯเสียที"
คำถามที่ยิงใส่มาเป็นชุด เรียกรอยยิ้มได้อีกครา แม้กระนั้นก็ยังทำให้คนฟังรู้สึกผิดไม่น้อยที่วันนี้เผลอเพลินกับงาน แถมยังเถลไถลชมบรรยากาศอยู่จนลืมโทรหาเพื่อนรักไปซะสนิทเลย
"ขอโทษจ้ะกวิน พอดีเราทำงานเพลินน่ะ กว่าจะออกมาจากไร่ก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงเย็นแล้ว" เสียงหญิงสาวที่ตอบกลับจึงอ่อนโยนลง
"กวินมีอะไรจะคุยกับเราด้วยหรือเปล่า"
"เปล่าหรอก เราแค่เป็นห่วงน่ะ แล้วก็แค่กะว่าจะทำเซอร์ไพรส์ รอดินเนอร์แบบโรแมนติกด้วยกันเสียหน่อย" เขามักจะพูดเล่นแบบนี้กับเธอได้เสมอ "ก็ตั้งแต่ร่วมบริษัทฯกันมา เห็นแต่ตะวันทำงานหามรุ่งหามค่ำจนแทบจะไม่มีเวลาให้กับเพื่อนฝูงเลยน่ะสิ .. ดูเถอะ ขนาดวันนี้เรารอจะกินข้าวด้วยกันก็ยังพลาด" เสียงสวดบ่นปนมา
"งั้นเป็นวันอาทิตย์นี้เน๊อะ .. งานเราคงเสร็จพอดี"
ตอบด้วยน้ำเสียงสดใสให้คนฟังสบายใจขึ้น ... ขัดกับสายตาหมองที่ทอดมองไปยังบ้านหลังน้อยไกลออกไปตรงปลายเนิน
"อื้ม!..เยี่ยมเลย...และยินดีด้วยจ้า ถือเป็นการเลี้ยงฉลองไปในตัวเลย ...ว่าแต่... ต้องเลี้ยงเราร้านหรู ๆ เลยนะ" เสียงตอบโต้มาตามสายเริ่มดีขึ้น
"ได้สิ...ร้านลาบกะส้มตำหน้าซอยบ้านเราเลยนะ รสแซ่บ ๆ" อำเพื่อนที่ขี้ตะกละมาตั้งแต่เด็กเล่น
"แหมะ!... น้ำลายสอเลยเชียว แถมแหนมเนืองให้เราด้วยใช่ปะ?"
"ตะกละอะ!... เงินเรางวดแรกหมดเลยนะน่ะ" โอดโอยเสียงละห้อย
"งกน่า!... ได้เงินงานแรกมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ยังจะขี้เหนียวกับเพื่อนรักได้นะ แล้วนี่ออกจากไร่มาแล้วใช่ไหม?"
"จ้ะ...เผลอแวะชมวิวนิดเนิ่ง.. เราเพิ่งเห็นน่ะว่าวิวตรงนี้สวยดี แล้วก็ว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลย"
คนตอบ...ยกมือเสยผมที่หยักหยิก แต่นุ่มอ่อนจนพลิ้วไหวได้ตามแรงลม
"โอเค...ถ้างั้น...ขากลับขับรถดี ๆ นะจ๊ะ"
เสียงสุดท้ายยังฟ้องนัยแห่งความเป็นห่วงไม่วาย
"อื้มมม...จ้ะ" ร้อยตะวันตอบรับในลำคอ ก่อนจะแตะจอวางสาย .. พร้อมๆ กับเรื่องราวในอดีตก็ฟื้นตื่นมายั่วเย้าอีกครา ..
………………..
"รถเสียหรือครับ?"
คำถาม ดังขึ้นจากเบื้องหลังของสาวน้อยร่างบางระหงในชุดนักศึกษา ผมยาวหยิกสีอ่อนถูกรวบเป็นเปียหลวม ๆ ตอนนี้มีไรเหงื่อชื้นเกาะที่ตีนผมอยู่เล็กน้อย เพราะช่วงเดินออกมาเจอกับอากาศที่แม้จะเป็นเวลาบ่ายจัดแล้ว แต่ความร้อนที่สะสมอยู่ตลอดทั้งวันก็ไม่เคยยอมผ่อนปรนให้กับกรุงคอนกรีตเช่นประเทศไทยเอาเสียด้วยซิ
แค่ออกมาก้ม ๆ เงย ๆ ดูแก้เซ็งไปงั้น เพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์อยู่แล้ว แต่เมื่อครู่ลองโทรไปที่อู่ประจำของครอบครัว หากวันนี้ก็เป็นอะไรไม่ทราบ โทรทั้งร้านทั้งมือถือ กลับไม่มีผู้รับโทรศัพท์เธอเลยสักที กะไว้ว่าอีกสักสิบห้านาทีจะลองโทรใหม่ เผื่อที่อู่จะมีธุระยุ่งกันอยู่ ก็เลยเถลไถลออกมาก้มเงยมองเล่นฆ่าเวลา เพราะไม่อยากจะนั่งอารมณ์เสียอยู่ในรถคนเดียว ... กวินก็ดันไปเข้าค่ายอาสาเสียอีกนะวันนี้!
เจ้าของคำถามเป็นของชายหนุ่มร่างสูงผิวเข้ม ตาคม ผมดำตรงหน้า หลังจากที่เธอหันกลับไปมองตามเสียงทุ้มเบา .. สุภาพ
ร้อยตะวันมองอย่างพิจารณาเขาอยู่เพียงครู่ ด้วยความหงุดหงิดอารมณ์เสียที่เริ่มสะสมมาเรื่อย ๆ แต่อะไรบางอย่างที่เพียงแว่บแรกที่ผ่านสัมผัส เธอก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นมีความจริงใจในการช่วยเหลือเธอโดยไม่ได้มีความหมายหรือนัยใดที่อาจแอบแฝงอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
"ค่ะ..." ข่มเสียงให้อ่อนกว่าที่ตั้งใจไว้
"ขับมาอยู่ดี ๆ มันก็สำลักสองสามทีแล้วก็ดับไป ลองสตาร์ทใหม่เท่าไหร่ก็ไม่ติด"
ตอบด้วยน้ำเสียงท้อใจในประโยคต่อมา วันนี้ดันมีประชุมที่คณะและใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้ในการนั้น เธอเองก็ทั้งเหนื่อยและหิว อุตส่าห์ไม่แวะหาอะไรกินเพราะช่วงนี้ทั้งร้านเบเกอรี่และร้านอาหารเล็กๆ ก็คนเต็ม เธอเองก็จะรีบกลับบ้าน แต่พอขับรถออกมาไม่ทันพ้นรั้วมหาวิทยาลัยก็มาเจอกับปัญหารถเสียอีกซิ