บทที่ 7
ยอดรัก....
หากพี่เลือกได้
พี่คงอยากดูแลน้องน้อยของพี่นี้ตลอดไป
หากแต่ทุกหนทางเลือกในชวิต ...
... มักเป็นสิ่งที่เลือกได้ไม่ 'ง่าย' นัก
ทุกสิ่งทุกอย่างยังต้อง 'แลก' มากับบางสิ่ง .. เสมอ
น้องน้อยไม่มีวันรู้ว่า .. ทุกครา..ยามห่างไกล
ความรู้สึกหนักหน่วงหนึ่งในใจ..มันมักจะวนเวียนมาคอยเล่นงานพี่ชายคนนี้อยู่เสมอ ๆ
ที่แท้ .. 'ความผูกพัน' ..มันซ่อน.. 'ความเจ็บปวด'
แค่ ..คิดถึง..
ก็ยังจะนำมา..ซึ่ง..'ความร้าวราน'..อยู่..มิรู้หาย
"ห้าปี .. หรือไม่ก็คงอาจสักสิบปี พี่ต้องไปรับตำแหน่งคุมทีมบริหารที่นั่น"
"แล้วจะกลับมาบ่อย ๆ ได้ไหม?"
ร้องขอสีหน้าเว้าวอนยิ่ง ทั้ง ๆ ที่แน่ใจนัก ..
ไม่ใช่ก่อนหน้านั่นหรอกหรือ ที่เธอเองก็เฝ้าวนเวียน..วิ่งไปเคี่ยวเข็นขอสัญญาว่าให้เขากลับมาบ้านทุก ๆ เดือน
... คนยอมรับปาก ...
สุดท้ายก็ยังสามารถอ้างโน้นอ้างนี้ได้สารพัด
แล้วครั้งนี้เขาต้องไปไกลเสียขนาดนั้น ต่อให้ 'มีเงิน' มากมายสักแค่ไหน .. แต่ในเมื่อต้องไปรับตำแหน่งใหม่
ย่อมต้องมีข้ออ้างใหม่มาว่า 'ไม่มีเวลา'
ก็เขาเองมิใช่หรือ..ที่เคยพร่ำสอนมาเมื่อเยาวัย
ที่เมื่อยามเด็กหญิงสายธารมัวแต่โยเยโอ้เอ้ เคี้ยวข้าวช้าจนทำให้พี่ชายพลอยเสียเวลาในการเดินทางไปโรงเรียนสายเสียด้วยกัน
สุดท้ายเช้านั้นคนขี้หงุดหงิดจึงหันมาลงที่น้อง
"มีเงินมาก ก็ใช่ว่าจะซื้อเวลามาได้มากกว่าคนอื่น"
"คนทุกคน..วันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากัน ขืนคุณน้ำคิดแค่ว่าเรามีเงินมาก ๆ อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไปกับอะไรแล้ว .. แค่นี้คุณน้ำก็คิดผิดแล้วล่ะ"
แต่คนเป็นน้องยังคงออกความเห็นโต้กลับมา .. ตาแป๋ว ๆ
"ซื้อเวลาไม่ได้..ได้อย่างไรคะ เพราะหากเราไม่มีกะตัง เราเก๊าะต้องเดินไปโรงเรียน การเดินไปโรงเรียนเราก็ต้องใช้เวลามากกว่าคนที่มีสตางค์ขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนนี่คะ? พี่ต้นจะว่าเงินซื้อเวลาไม่ได้ ... ได้อย่างไร"
"เอ๊า!! .. ก๊อ" พี่ชายเถียงไม่ออก ได้แต่เกาหัวแกรก ๆ
"งั้นมีก็ได้ แต่อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากจนเรากลายไปเป็นทาสของมัน เราต้องใช้เงินให้เป็นบ่าว อย่าปล่อยเผลอให้มันมาครอบงำจนมันกลายมาเป็นนายเรา.. คุณน้ำเข้าใจที่พี่บอกตรงนี้หรือเปล่าล่ะ" ไม่วายเยาะเย้ยน้อง
"จะยากตรงไหนคะ เราก็เอาเงินที่เราหามาได้ เอาไปจ้างแม่ค้าเพื่อมาทำกับข้าวให้เรากิน หรือที่เรียกว่าซื้อเขากิน คล้าย ๆ อย่างนี้หรือเปล่าคะ?" น้องน้อยพาซื่อ นึกว่าพี่ชายตั้งคำถามมาถาม เลยตอบเขาไปตาแป๋ว ๆ อีกครา
"ใช่! แล้วเราก็จะได้ทำงานจนเหนื่อย หัวทิ่มหัวตำ รับจ้างเป็นลูกจ้างคนอื่นงก ๆ เพื่อที่จะได้เอาเงินของเขามาจ้างคนอื่นต่อไปไงล่ะ" พี่ชายประชด
"คุณน้ำว่า .. มันเป็นการพึ่งพาอาศัยกันโดยการใช้เงินเป็นสื่อกลางต่างหาก" คนเป็นน้องรู้มากกว่า เพราะบิดาเคยสอนเรื่องนี้อีกเช่นกัน
"เพราะเราคงทำอะไร ๆ ต่อมิอะไรเองทุกอย่างในชีวิตของเราเองไม่ได้ทั้งหมดนี่คะ คุณน้ำขับเครื่องบินไม่ได้ หากไม่ใช้เงินมาซื้อตั๋วไปขึ้นเครื่องบินที่คนอื่นขับ แล้วคราวนี้พี่ต้นจะให้คุณน้ำว่ายน้ำหรือพายเรือไปดูดอกซากุระที่ญี่ปุ่นหรอกหรือคะ? แก่ตาย หรือไม่ก็โดนไอ้หลามคาบไปเคี้ยวกรุบกริบเล่นได้เลยนะคะ"
"ถึงอาคารเรียนแล้วค่ะ! คุณน้ำถือกระเป๋าเดินเข้าห้องไปเองคนเดียวนะ พี่ไปล่ะ!!"
คนเป็นพี่โกรธจนหน้าเขียว ไม่ยอมจูงมือน้องเดินไปส่งถึงห้องเรียนเหมือนเคยทำเช่นทุกเช้า
เดินก้าวสวบ ๆ หายไปท่ามกลางหมู่นักเรียนเด็กโต ปล่อยคนเป็นน้องยืนมองตามหลังไปตาปริบ ๆ ...
และต่อจากนั้นมา การจะเอ่ยจะพูดอะไรอีกแต่ละครั้ง เด็กหญิงสายธารจึงมักจะหมั่นมองสีหน้า เพราะเกรงว่าพี่ชายจะโกรธ จะดุใส่ตนอยู่ร่ำไป
และครั้งนี้เองก็เช่นกันที่ต้องรู้ซึ้งอยู่แก่ใจ
พี่ชาย ต่อให้โตมาแล้วจะใจดี สุภาพ อ่อนโยนกับน้องน้อยมากแค่ไหน ..
แต่ ..
หากลงเขาบอกว่า 'ไม่' ก็คือ .. ต้องไม่!!!
หากเขาบอกว่าจะ 'ไป' ก็คือ .. ต้องไป!!!
บทกลอนเก่าที่พี่ชายคนเก่งเคยแต่งเล่น ก้องขึ้นอยู่ในความทรงจำ
แค่หลับตา … มือแตะใจ จะได้พบ
แค่เพียงสบ … นัยตาดาว พร่างพราวฝัน
แค่โอบแอบ … แนบดวงใจ อันนิรันดร์
ผูกสัมพันธ์ ... หอบรักข้าม … ปลายฟ้าไกล ...
ปลายฟ้าไกล ... ที่ต่อไปคงจะได้ชื่อว่า ... 'นิวซีแลนด์'
ต่อให้เธอก้มลงร้องไห้โยเยจนตัวงอ
ครั้งนี้ ... พี่ชายคงไม่มีวันตามใจเธอ .. อีกแล้ว
.. ลา .. มิละลา ..
ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน .. พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา
รักซ้อนแซมด้วยใบโศก รักซ้อนแซมด้วยใบโศก
น้ำตาน้องนองตก .. ที่พี่เพิ่งมาบอกลา ..
เริ่มต้นพี่ก็ไม่รัก .. ลงท้ายพี่ก็ไม่รัก
ทิ้งน้องอกหักข้างต้นมะลิลา...
เสียงเพลงแซวเก่า ๆ จากวิทยุของนายแม้นคนสวน
.. แว่วมาตามลม .. ราวกับจะ 'เย้ยเยาะ' คนอยู่ข้างหลัง
อย่างไร ... ก็อย่างนั้น
…… ✿❧
"บ่ายโมงกว่าแล้วค่ะ คุณน้ำรับมื้อกลางวันเถอะ อย่ารอเลย ป่านนี้คุณพี่ชายคุณน้ำคงไปอิ่มจากข้างนอกแล้วล่ะมัง?"
สำเนียงเป็นห่วงเป็นใยเมื่อละสายตามามองร่างบางระหง ที่นั่งพับเพียบเอี้ยมเฟี้ยมอยู่บนพื้นไม้กระดานเย็น ๆ มือขาวนวลกำลังสาละวนคลุกข้าวเกรียบปากหม้อหลากสี ที่คนเลี้ยงเพิ่งจะแคะออกจากเตามาใหม่ ๆ คลุกกับน้ำมันเจียวกระเทียมหอมกรอบ พร้อมวางพริกกับผักชีเตรียมจัดลงจานที่รองไว้ด้วยผักแนมต่าง ๆ
"อีกนิดก็ได้ค่ะป้าแก้ว คุณน้ำยังไม่หิว"
เสียงหวานอ่อนเบาตอบมา ... แต่ตาไม่หันมอง
คนเลี้ยงกันมาแต่อ้อนแต่ออกจึงได้แต่แอบถอนใจ พอจะหมดเฮือก เสียงรถคุ้นหูก็เล่นเลยเข้าสู่โรงเก็บข้างสระบัวถัดไป
"พ่ออิเหนาของเราคงจะกลับมาละค่ะ"
เสียงอ้อมแอ้มดังมาจากคนเลี้ยงคล้ายจะบ่น ดังนั้นพอร่างสูงสง่า ก้าวขึ้นบันไดมา หญิงใกล้วัยชราจึงส่งเสียงทักทันควัน
"มาค่ะคุณต้น ทานอะไรมาแล้วหรือยังคะ? โน่นแหนะ! คุณน้ำเธอกลับมารอทานข้าวด้วยตั้งแต่เที่ยง ป่านนี้จะหิวโงกแล้วล่ะ"
"ออกไปข้างนอกบังเอิญเดินไปเจอเพื่อนสมัยเรียน มันชวนไปเข้าร้านข้าวปั้น จะปฏิเสธก็กระไรครับ" คนพูดหน้าตายิ้มแย้มหลังจากทรุดลงมานั่งราบ ชะโงกหน้ามาดูจานของว่างที่จัดอย่างงดงามน่าน้ำลายสอในมือน้อง
"หน้าแย้มเป็นดอกชบาเชียวค่ะ สงสัยจะเพื่อนผู้หญิง?"
ป้าแก้วอดใจไม่ประชดค่อนขอดให้ไม่ไหว
ยอดรัก....
หากพี่เลือกได้
พี่คงอยากดูแลน้องน้อยของพี่นี้ตลอดไป
หากแต่ทุกหนทางเลือกในชวิต ...
... มักเป็นสิ่งที่เลือกได้ไม่ 'ง่าย' นัก
ทุกสิ่งทุกอย่างยังต้อง 'แลก' มากับบางสิ่ง .. เสมอ
น้องน้อยไม่มีวันรู้ว่า .. ทุกครา..ยามห่างไกล
ความรู้สึกหนักหน่วงหนึ่งในใจ..มันมักจะวนเวียนมาคอยเล่นงานพี่ชายคนนี้อยู่เสมอ ๆ
ที่แท้ .. 'ความผูกพัน' ..มันซ่อน.. 'ความเจ็บปวด'
แค่ ..คิดถึง..
ก็ยังจะนำมา..ซึ่ง..'ความร้าวราน'..อยู่..มิรู้หาย
"ห้าปี .. หรือไม่ก็คงอาจสักสิบปี พี่ต้องไปรับตำแหน่งคุมทีมบริหารที่นั่น"
"แล้วจะกลับมาบ่อย ๆ ได้ไหม?"
ร้องขอสีหน้าเว้าวอนยิ่ง ทั้ง ๆ ที่แน่ใจนัก ..
ไม่ใช่ก่อนหน้านั่นหรอกหรือ ที่เธอเองก็เฝ้าวนเวียน..วิ่งไปเคี่ยวเข็นขอสัญญาว่าให้เขากลับมาบ้านทุก ๆ เดือน
... คนยอมรับปาก ...
สุดท้ายก็ยังสามารถอ้างโน้นอ้างนี้ได้สารพัด
แล้วครั้งนี้เขาต้องไปไกลเสียขนาดนั้น ต่อให้ 'มีเงิน' มากมายสักแค่ไหน .. แต่ในเมื่อต้องไปรับตำแหน่งใหม่
ย่อมต้องมีข้ออ้างใหม่มาว่า 'ไม่มีเวลา'
ก็เขาเองมิใช่หรือ..ที่เคยพร่ำสอนมาเมื่อเยาวัย
ที่เมื่อยามเด็กหญิงสายธารมัวแต่โยเยโอ้เอ้ เคี้ยวข้าวช้าจนทำให้พี่ชายพลอยเสียเวลาในการเดินทางไปโรงเรียนสายเสียด้วยกัน
สุดท้ายเช้านั้นคนขี้หงุดหงิดจึงหันมาลงที่น้อง
"มีเงินมาก ก็ใช่ว่าจะซื้อเวลามาได้มากกว่าคนอื่น"
"คนทุกคน..วันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากัน ขืนคุณน้ำคิดแค่ว่าเรามีเงินมาก ๆ อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไปกับอะไรแล้ว .. แค่นี้คุณน้ำก็คิดผิดแล้วล่ะ"
แต่คนเป็นน้องยังคงออกความเห็นโต้กลับมา .. ตาแป๋ว ๆ
"ซื้อเวลาไม่ได้..ได้อย่างไรคะ เพราะหากเราไม่มีกะตัง เราเก๊าะต้องเดินไปโรงเรียน การเดินไปโรงเรียนเราก็ต้องใช้เวลามากกว่าคนที่มีสตางค์ขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนนี่คะ? พี่ต้นจะว่าเงินซื้อเวลาไม่ได้ ... ได้อย่างไร"
"เอ๊า!! .. ก๊อ" พี่ชายเถียงไม่ออก ได้แต่เกาหัวแกรก ๆ
"งั้นมีก็ได้ แต่อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากจนเรากลายไปเป็นทาสของมัน เราต้องใช้เงินให้เป็นบ่าว อย่าปล่อยเผลอให้มันมาครอบงำจนมันกลายมาเป็นนายเรา.. คุณน้ำเข้าใจที่พี่บอกตรงนี้หรือเปล่าล่ะ" ไม่วายเยาะเย้ยน้อง
"จะยากตรงไหนคะ เราก็เอาเงินที่เราหามาได้ เอาไปจ้างแม่ค้าเพื่อมาทำกับข้าวให้เรากิน หรือที่เรียกว่าซื้อเขากิน คล้าย ๆ อย่างนี้หรือเปล่าคะ?" น้องน้อยพาซื่อ นึกว่าพี่ชายตั้งคำถามมาถาม เลยตอบเขาไปตาแป๋ว ๆ อีกครา
"ใช่! แล้วเราก็จะได้ทำงานจนเหนื่อย หัวทิ่มหัวตำ รับจ้างเป็นลูกจ้างคนอื่นงก ๆ เพื่อที่จะได้เอาเงินของเขามาจ้างคนอื่นต่อไปไงล่ะ" พี่ชายประชด
"คุณน้ำว่า .. มันเป็นการพึ่งพาอาศัยกันโดยการใช้เงินเป็นสื่อกลางต่างหาก" คนเป็นน้องรู้มากกว่า เพราะบิดาเคยสอนเรื่องนี้อีกเช่นกัน
"เพราะเราคงทำอะไร ๆ ต่อมิอะไรเองทุกอย่างในชีวิตของเราเองไม่ได้ทั้งหมดนี่คะ คุณน้ำขับเครื่องบินไม่ได้ หากไม่ใช้เงินมาซื้อตั๋วไปขึ้นเครื่องบินที่คนอื่นขับ แล้วคราวนี้พี่ต้นจะให้คุณน้ำว่ายน้ำหรือพายเรือไปดูดอกซากุระที่ญี่ปุ่นหรอกหรือคะ? แก่ตาย หรือไม่ก็โดนไอ้หลามคาบไปเคี้ยวกรุบกริบเล่นได้เลยนะคะ"
"ถึงอาคารเรียนแล้วค่ะ! คุณน้ำถือกระเป๋าเดินเข้าห้องไปเองคนเดียวนะ พี่ไปล่ะ!!"
คนเป็นพี่โกรธจนหน้าเขียว ไม่ยอมจูงมือน้องเดินไปส่งถึงห้องเรียนเหมือนเคยทำเช่นทุกเช้า
เดินก้าวสวบ ๆ หายไปท่ามกลางหมู่นักเรียนเด็กโต ปล่อยคนเป็นน้องยืนมองตามหลังไปตาปริบ ๆ ...
และต่อจากนั้นมา การจะเอ่ยจะพูดอะไรอีกแต่ละครั้ง เด็กหญิงสายธารจึงมักจะหมั่นมองสีหน้า เพราะเกรงว่าพี่ชายจะโกรธ จะดุใส่ตนอยู่ร่ำไป
และครั้งนี้เองก็เช่นกันที่ต้องรู้ซึ้งอยู่แก่ใจ
พี่ชาย ต่อให้โตมาแล้วจะใจดี สุภาพ อ่อนโยนกับน้องน้อยมากแค่ไหน ..
แต่ ..
หากลงเขาบอกว่า 'ไม่' ก็คือ .. ต้องไม่!!!
หากเขาบอกว่าจะ 'ไป' ก็คือ .. ต้องไป!!!
บทกลอนเก่าที่พี่ชายคนเก่งเคยแต่งเล่น ก้องขึ้นอยู่ในความทรงจำ
แค่หลับตา … มือแตะใจ จะได้พบ
แค่เพียงสบ … นัยตาดาว พร่างพราวฝัน
แค่โอบแอบ … แนบดวงใจ อันนิรันดร์
ผูกสัมพันธ์ ... หอบรักข้าม … ปลายฟ้าไกล ...
ปลายฟ้าไกล ... ที่ต่อไปคงจะได้ชื่อว่า ... 'นิวซีแลนด์'
ต่อให้เธอก้มลงร้องไห้โยเยจนตัวงอ
ครั้งนี้ ... พี่ชายคงไม่มีวันตามใจเธอ .. อีกแล้ว
.. ลา .. มิละลา ..
ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน .. พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา
รักซ้อนแซมด้วยใบโศก รักซ้อนแซมด้วยใบโศก
น้ำตาน้องนองตก .. ที่พี่เพิ่งมาบอกลา ..
เริ่มต้นพี่ก็ไม่รัก .. ลงท้ายพี่ก็ไม่รัก
ทิ้งน้องอกหักข้างต้นมะลิลา...
เสียงเพลงแซวเก่า ๆ จากวิทยุของนายแม้นคนสวน
.. แว่วมาตามลม .. ราวกับจะ 'เย้ยเยาะ' คนอยู่ข้างหลัง
อย่างไร ... ก็อย่างนั้น
…… ✿❧
"บ่ายโมงกว่าแล้วค่ะ คุณน้ำรับมื้อกลางวันเถอะ อย่ารอเลย ป่านนี้คุณพี่ชายคุณน้ำคงไปอิ่มจากข้างนอกแล้วล่ะมัง?"
สำเนียงเป็นห่วงเป็นใยเมื่อละสายตามามองร่างบางระหง ที่นั่งพับเพียบเอี้ยมเฟี้ยมอยู่บนพื้นไม้กระดานเย็น ๆ มือขาวนวลกำลังสาละวนคลุกข้าวเกรียบปากหม้อหลากสี ที่คนเลี้ยงเพิ่งจะแคะออกจากเตามาใหม่ ๆ คลุกกับน้ำมันเจียวกระเทียมหอมกรอบ พร้อมวางพริกกับผักชีเตรียมจัดลงจานที่รองไว้ด้วยผักแนมต่าง ๆ
"อีกนิดก็ได้ค่ะป้าแก้ว คุณน้ำยังไม่หิว"
เสียงหวานอ่อนเบาตอบมา ... แต่ตาไม่หันมอง
คนเลี้ยงกันมาแต่อ้อนแต่ออกจึงได้แต่แอบถอนใจ พอจะหมดเฮือก เสียงรถคุ้นหูก็เล่นเลยเข้าสู่โรงเก็บข้างสระบัวถัดไป
"พ่ออิเหนาของเราคงจะกลับมาละค่ะ"
เสียงอ้อมแอ้มดังมาจากคนเลี้ยงคล้ายจะบ่น ดังนั้นพอร่างสูงสง่า ก้าวขึ้นบันไดมา หญิงใกล้วัยชราจึงส่งเสียงทักทันควัน
"มาค่ะคุณต้น ทานอะไรมาแล้วหรือยังคะ? โน่นแหนะ! คุณน้ำเธอกลับมารอทานข้าวด้วยตั้งแต่เที่ยง ป่านนี้จะหิวโงกแล้วล่ะ"
"ออกไปข้างนอกบังเอิญเดินไปเจอเพื่อนสมัยเรียน มันชวนไปเข้าร้านข้าวปั้น จะปฏิเสธก็กระไรครับ" คนพูดหน้าตายิ้มแย้มหลังจากทรุดลงมานั่งราบ ชะโงกหน้ามาดูจานของว่างที่จัดอย่างงดงามน่าน้ำลายสอในมือน้อง
"หน้าแย้มเป็นดอกชบาเชียวค่ะ สงสัยจะเพื่อนผู้หญิง?"
ป้าแก้วอดใจไม่ประชดค่อนขอดให้ไม่ไหว