วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ยังคงตื้อต่อ

✨☝ นิยายแต่งจบรับ eBook ได้ที่ CLICK TO GET ME NOW ได้เลย ☝✨
"ขอผมดูหน่อยได้ไหม?" 
คนตัวสูง ตาคม ที่หญิงสาวเดาได้ในทันทีว่าเขาต้องมีสายเลือดชาวปักษ์ใต้อย่างแน่นอนเอ่ยอาสาเสียงเรียบ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถช่วยเธอได้มากน้อยเท่าไร แม้ไม่บ่อยนักที่รถจอมเกเรจะแผลงฤทธิ์นอนนิ่งไม่ยอมวิ่งซะเฉย ๆ และมักจะเคยมีหนุ่มน้อยใหญ่มาทำทีดูแลทักทายจะซ่อมแซมให้ แต่ก็เพียงเข้ามา 'ดู..แล' จริง ๆ เพราะเขาเหล่านั้นก็ไม่เคยช่วยอะไรได้เลยนอกจากจะนั่งรอช่างเป็นเพื่อนกับเธอ
เขาดูจะใจเย็นระหว่างที่รอคนที่เผลอขมวดคิ้วตัดสินใจ ก่อนที่ร่างเล็กกระจ้อยจะยอมถอยหลบออกมาให้คนตัวโตตรวจดูรถได้สะดวก ๆ
เห็นมือกว้างจับขยับโน่นนี่เล็กน้อยก่อนที่จะบอกให้เธอไปทดลองสตาร์ทรถ ร้อยตะวันขยับตัว แต่ในใจกลับคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็คงไม่ได้ช่วยอะไรได้แน่ แต่ที่ต้องทำตามก็เพราะไม่อยากจะให้เขาเสียน้ำใจที่ได้อุตส่าห์แวะเข้ามาช่วย ...อีกอย่างหนึ่ง... ตอนนี้เธอไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับใครในขณะที่ยังเหนื่อย ๆ หิว ๆ อยู่นักหรอก
เสียงเครื่องยนต์ครางแกว่ง ๆ แล้วก็ดับไปดังคาด เจ้ารถจอมเกเรไม่ยอมง่าย ๆ จริง ๆ ด้วย แต่อย่างน้อยอาการสำลักไม่มีแล้ว และถึงแม้จะอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมติด นอกจากเสียงครางที่ยาวกว่าเดิมเท่านั้น … เขาก้มลงดูที่เดิม และก็ลงมือขยับอะไรอีกนิดหน่อย 
เธอแอบถอนใจ... นี่เขาคิดว่าตัวเองมีคาถาวิเศษหรือไงกันน่ะ .. กะอิแค่แตะโน่นนิด ขยับนั่นหน่อย
แล้ว... ต้องเป่ามนต์คาถาบทไหนให้รถมันติดง่าย ๆ กันเล่าเนี่ย!
คนถูกนินทา (ในใจ) เงยหน้าขึ้นมามอง... 
บ้าน่า!!... เธอนินทาเขาในใจใช่ปะ? … ไม่ได้เผลอพูดมันออกไปจริง ๆ หรอก .. ใช่ไหม!? 
กะพริบตาถี่ ๆ ติดกันเพราะตกใจหน่อย ๆ สุดท้ายก็หยุดแล้วได้แต่มองเขาด้วยดวงตากลมโตแบบอึ้ง ๆ 
ดวงตาคมตวัดขึ้นมามองสบตาใต้ขนตางอนหนาที่มองมาอยู่พอดี ..
อุปทาน?.. 
เธอเหมือนกับมองเห็นมีรอยเข้มเพิ่มขึ้นอีกบนใบหน้าเขา .. แต่ก็แค่..ชั่วแว่บเดียวเท่านั้นนะ!!
"ลองสตาร์ทอีกครั้งครับ" เขาเอ่ยมา ซึ่งเธอทำตามอย่างว่าง่ายอีกครั้งเพราะรู้สึกเขินเหมือนถูกโดนจับได้ว่าแอบนินทาเขาอยู่ในใจอย่างไรไม่รู้ ... และคราวนี้เจ้ารถเกเรก็หายงอนล่ะ!? อ๊ะ! มันสตาร์ทติดแล้วนิ?!
เขาเป่าคาถาบทไหนนี่...?!? 
ชะโงกหน้าไปมองด้วยดวงตากลมโตอย่างแปลกใจแกมดีใจ จังหวะเดียวกันกับที่เขาก็เงยหน้ามาสบตากับเธออีกครั้ง ต่างคนต่างชะงักงันกันชั่วแว่บ .. เธอเองที่ชะงักงันเพราะจู่ ๆ หัวใจมันดันรู้สึกกระตุกวูบวับแบบแปลก ๆ 
'ผู้ชายอะไร... ตาสวยชะมัด!'
"สายส่งน้ำมัน มันหลวม" เขาเบือนหลบตาเธอไปก่อน ก่อนที่จะเอ่ยเฉลยปัญหาเครื่องยนต์ขณะที่เอื้อมมือเพื่อจะปิดฝากระโปรงรถให้อย่างเรียบร้อย เธอเอื้อมหยิบทิชชู่ในรถให้เขาเช็ดเหงื่อกับเช็ดมือ
"ขอบคุณ...คุณมากนะคะ"
ยิ้มจนตายิบหยี ... ซึ่งเป็นกิริยาที่มักจะทำเป็นประจำให้กับคนที่ค่อนข้างจะสนิทชิดเชื้อกันจริง ๆ เท่านั้น และครั้งนี้เธอก็ไม่ทันรู้ตัวว่าเผลอแสดงกิริยานี้ออกไป ... แหม … ก็ต้องดีใจสิ! ที่จะไม่ต้องติดแงกเพื่อรอช่างประจำมาซ่อมให้ ซึ่งคงต้องใช้เวลาและไม่รู้ว่าจะต้องรออยู่อีกนานแค่ไหนกว่าช่างจะฝ่าการจราจรมาถึง ความดีความชอบจึงควรตกเป็นของเขาที่มีน้ำใจแวะเข้ามาให้การช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ มันก็สมควรแล้วนี่!!
"คุณกลับบ้านอย่างไรคะ .. ให้ฉันไปส่งคุณเอาไหม?" 
ถามทันทีหลังจากเห็นชายหนุ่มหันไปเอื้อมคว้าตำราเรียนที่วางไว้บนหลังคา ก่อนจะลงมือ (เป่ามนต์) ซ่อมรถให้ และจากที่สังเกตดูแล้ว … เขาคงไม่ได้ขับรถมาแน่นอน
"อย่าเลย วันนี้ฝนทำท่าจะตกและรถก็คงจะติดหนักตามเคย คุณกลับไปเถอะ ผมกลับเองได้" เขาตอบกลับมาอย่างไม่ค่อยใส่ใจในน้ำใจของเธอบ้างเลยแฮะ!! .. แต่จากประโยคของเขา คนฟังก็ยังดันตีความได้ว่า เขาเองน่าจะเป็นห่วงว่าเธออาจต้องติดอยู่กับการจราจรจลาจลอันหฤโหดหลังฝนตก อย่างที่รู้กันทั้งในและร่ำลือกันไปถึงต่างประเทศแล้วในเรื่องการจราจรติดขัดเข้าขั้นวิกฤติของประเทศนี้ ที่พี่ไทยเรานำมาอยู่อันดับต้น ๆ ไม่แพ้ชาติใด
"แล้วคุณกลับทางไหนล่ะคะ เผื่อจะเป็นทางเดียวกัน อย่างน้อยให้ฉันไปส่งคุณลงที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัยนี้ก็ได้ค่ะ" 
ยังคงตื้อต่อ เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีน้ำใจไมตรีที่แวะช่วยเหลือในเรื่องนี้ แถมน้ำเสียงฟังดูยังเป็นกันเองขึ้นหลังจากคะเนเอาว่าเขาคงต้องเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยนี้แน่นอน ... แต่คงไม่ใช่คณะเดียวกันกับเธอแน่ เพราะไม่เคยคุ้นหน้าเขามาก่อนเลย
"ไม่ต้องหรอก .... ป้ายรถเมล์อยู่อีกไม่ไกลเท่าไร