วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

MY SWEET LADY : น้องน้อยที่รัก ✿❧ บทที่ 6

นิยายแต่งจบแล้วค่ะ กดรับ link ที่รูปภาพนี้เลยนะคะ สู้ๆ

บทที่ 6

เส้นแนวนอน


"คุณน้ำไม่ค่อยว่างต้อนรับค่ะ .. เพราะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบเทอมสุดท้ายหนักมาก เลยบอกเขาว่าไม่ต้องแวะมาบ่อย ๆ ค่ะ .. เพราะถึงมาหา คุณน้ำเองก็ไม่เคยว่างจะมาคุยด้วย" 
คุณธันวาถึงกับอ้าปากร้อง 'อ้าว' หลังจากที่บุตรสาวตอบกลับมาเสียงเรียบ ๆ ราวกับกำลังรายงานเรื่องต้นผักกาดในกระถางที่เธอปลูกไว้ส่งเป็นการบ้าน เมื่อสมัยยามยังเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมต้น 
"แล้วกันสิ งั้น..ก่อนส่งแบบก็โทรฯเรียกมาก็แล้วกัน" 
สรุปให้
"หมอนั่นเขาร้องจะเอาเรือนหอใหม่ .. แต่ก็อย่างว่าล่ะ .. อยู่บ้านไม้ทรงไทยเก่า ๆ แบบเรา คนหัวสมัยใหม่จบจากนอกแบบเขามันไม่คุ้นไม่ชิน .. วันนี้พี่เขามาแล้ว พรุ่งนี้เช้าถ้าเจ้านั่นว่างก็เรียกให้เขาเข้ามาดูเถอะ เผื่ออาจจะอยากเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงอะไรอีก"
"คงไม่ต้องแล้วล่ะค่ะคุณพ่อ เรียกมาเดี๋ยวก็ขอเปลี่ยนนั้น ร้องขอเพิ่มนี่ จนคุณน้ำรู้สึกว่าจะน่ารำคาญแล้วค่ะ" 
ถ้อยเจรจาแม้จะดูไม่พอใจ แต่สีหน้าใสกับน้ำเสียงก็ยังคงเฉยเมยเช่นเคย
"ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่สิคุณน้ำ"
น้ำเสียงบิดาแลดูจะทอดถอนใจอ่อนเบา..แต่ยาวเหยียด
"แม้มันจะดูเป็นเรือนที่เราไม่อยากอยู่..แต่หากมันจำเป็นที่เราจะต้องอยู่ จะผุจะพังยังไง เราก็ต้องหมั่นต่อเติมซ่อมแซมบำรุงรักษาให้มันคงอยู่ในแบบที่มั่นคงที่สุด .. พอใจที่สุดให้ได้ เพราะอย่างไรเสีย .. มันก็คือเรือนของเรา ที่เราจะต้องอยู่" 
"แรกเริ่มต้น คุณน้ำอาจจะพบว่ามันช่างดูทุกข์ดูยากไปบ้าง แต่ถ้าหากเราหมั่นซ่อม หมั่นเติม บางทีสุดท้าย .. ลูกอาจจะพบก็ได้ว่า เจ้าเรือนนี้มันช่างเป็นเรือนที่น่าอยู่ .. และเหมาะที่จะอยู่อาศัยที่สุดก็เป็นได้"
พร่ำสอน...และแลดูราวกับจะปลอบโยนบุตรีอยู่ในที
คุณยมนาที่นั่งฟังการสนทนาอยู่เงียบ ๆ เริ่มหน้าเหยเกอีกครั้ง
"การันต์เขาเป็นคนดีนะลูก แม้จะดูว่าท่าทางหุนหัน และก็ใจร้อนไปบ้าง หัวสมัยใหม่ไปบ้าง"
น้ำเสียงอ่อนเบาของผู้เป็นมารดาไม่รู้จะปลอบใจลูกสาวอย่างไรดี .. แต่ยิ่งปลอบก็ดูเหมือนจะยิ่งแย่ .. แม้จะพยายาม
"ฐานะ ความรู้ หน้าที่การงานของเขาก็มั่นคงเหมาะสมกับคุณน้ำดีแล้วนะคะ"
ยิ่งพูดอีกก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก จนหญิงกลางวัยคนชักสับสน
แม้มันจะเป็นไปตามนั้นจริง ๆ หากแต่อะไรบางอย่างก็ยังจะทำให้คุณยมนารู้สึกเกรงใจสามีและชายหนุ่มอ่อนวัย ที่ตนเองรับอุ้มชูเลี้ยงดูกันมาอีกผู้หนึ่งอยู่ลึก ๆ มิได้
แม้จะเดาใจหนุ่มน้อยเคร่งขรึมผู้นั้นมิได้มาก เฉกเช่นผู้เป็นสามีรู้สึก หากแต่กิริยาอ่อนน้อม อ่อนโยน ความสุขุมมั่นคงที่แสดงออกก็อดทำให้ต้องรักษาน้ำใจกันบ้าง ดังนั้น..เมื่อหลุดปากพูดอะไรไป จึงทำให้หวั่นใจว่าจะไปกระทบความรู้สึกของใครเขาเข้า
"ค่ะ" 
นานเท่านาน บุตรสาวจึงจะตอบรับคำมารดา
"พรุ่งนี้คุณน้ำมีเรียนแต่เช้าเลย รายงานก็ยังไม่เสร็จ ขออนุญาตไม่รับของหวาน ขอตัวออกไปจัดการรายงานก่อนได้ไหมคะ?" 
เสียงใส ๆ ร่าเริงเอ่ยราวกับจะกลบรอยอึดอัดใจของผู้เป็นมารดาและบิดา โดยไม่รอคำอนุญาต หน้าใส ๆ ก้มลงหอมแก้มมารดาที่อยู่ใกล้ก่อนยื่นหน้าไปแตะแก้มผู้เป็นบิดา  ซึ่งเป็นกิริยาอบอุ่นที่มักกระทำอยู่เป็นประจำของครอบครัวนี้
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ก้าวใกล้เข้ามา 
ไม่ต้องเงยหน้า .. เจ้าของร่างเล็กบอบบางก็รับรู้ว่าคือผู้ใด 
จนกระทั่งร่างสูงใหญ่ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
"ให้พี่ช่วยเกร็งข้อสอบให้เอาไหมคะ?"
"ไม่เป็นไรค่ะ วิชานี้ค่อนข้างง่ายอยู่" 
เสียงอ่อนเบาตอบสุภาพ ก่อนเงยหน้ามายิ้มให้พี่ชาย .. จนดวงตาพราวประกายยิบหยี ซึ่งคนมองกลับรู้ดีว่า .. กิริยาเช่นนี้เป็นอาการที่กำลังต้องการหลบหลีก หรือกำลังจะกลบเกลื่อนความในใจของคนเป็นน้อง
"แบบแปลนเรือนหอ .. คุณน้ำไม่คิดที่จะขอดูมันบ้างสักหน่อยหรือ?" เสียงทุ้มถาม..อ่อนโยน
"ไม่ค่ะ .. พี่ต้นคงออกแบบมาดีแล้ว"
"ยังไม่เคยเห็นสักครั้งเลย .. รู้ได้อย่างไรว่าดี" 
คนพี่อารมณ์ดี ยิ้มได้บ้าง
"อะไรที่พี่ต้นตั้งใจทำให้คุณน้ำ .. สิ่งนั้นมักจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ .."
ตาใส ซื่อ ที่มากับน้ำเสียงใส ๆ ไม่บ่งบอกสักนิดว่าแอบแฝงไว้ด้วยร่องรอยประชด .. หากแต่เหมันต์รู้ชัดในรอยนี้ ดังนั้นคำตอบต่อมาจึงทั้งสั้น ทั้งเบา 
"ค่ะ"
สายธารก้มหน้าทำรายงานต่อ เหมือนเป็นเชิงไล่
แต่เงาของร่างสูงก็ยังไม่ยอมจะขยับเขยื้อนลุกจากไป
"อยู่ที่โน่น ... " 
นานเท่านาน .. ที่เจ้าของเสียงใสจะยอมพูดคุยด้วยต่อ เพราะเริ่มแน่ใจว่าผู้เป็นพี่ก็มิยินยอมแพ้ให้กับสงครามประสาทที่ผู้น้องเป็นฝ่ายเริ่มแน่นอน .. คำถามจึงได้ถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาอีก
"คงไม่สะดวกสบายเหมือนที่นี่ อาหารการกินคงไม่ถูกปาก พี่ต้นจึงได้ทั้งผอมทั้งดำ หากเป็นอย่างนั้น ทำไมพี่ต้นต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย .. กลับมาไม่ได้หรือคะ?" 
ในประโยค อดไม่ได้ที่จะแฝงร่องรอยห่วงใยฉายชัด
"กลับได้สิ" 
ก่อนตอบพี่ชายหัวเราะเสียงทุ้ม .. แสดงว่าอารมณ์เริ่มกลับมาดีแล้ว คงเพราะคำถามแฝงรอยห่วงใยนั้นอย่างไรล่ะ 
"แต่ .. คงต้องรอก่อน คุณอาอาคมบอกว่าจะส่งพี่ไปดูแลงานที่ทางฟากนิวซีแลนด์ หากเสร็จจากโปรเจคนี้แล้ว"
คราวนี้คนเป็นน้องยอมเงยหน้านวลแฉล้มขวับขึ้นมามอง ใบหน้าหวานเหยเกราวกับคนโดนอมยาขม
"ทำไมต้องไปไกลด้วย แล้วไปนานไหม ทำไมคุณพ่อไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้คุณน้ำได้ยินมาก่อน"
คำถามระรัวโวยวายไร้ช่องไฟ แถมหน้าขาว ๆ ก็ดูราวกับคนจะร้องไห้จนคนถูกถามอดยิ้มไม่ได้อีกครา
"ตอนนี้พี่เป็นคนของคุณอาอาคมนี่คะ หัวหน้าเขาสั่งมาอย่างไร ลูกน้องขัดใจได้หรือ?"
"คุณอาอาคมก็ลูกน้องของคุณพ่อ ก็เห็นขัดใจกันได้อยู่บ่อย ๆ ไปนี่คะ" 
คนน้องกระเง้ากระงอด ราวกับจะกลับมาเป็นเด็กหญิงสายธารคนเก่า
"ไม่เอาค่ะ คุณน้ำไม่ให้พี่ชายไปหรอก"
รื้อน้ำตาเริ่มเผาะพราว จนคนเป็นพี่ชายใจหายวาบ 
เพราะไม่ว่าจะครั้งใด .. ก็ไม่เคยชนะน้ำตาของน้องสาวคนนี้ได้เลยสักครา
กลิ่นดอกราตรียามค่ำอบอวลตามลมมาสู่บุคคลทั้งสอง ราวปลอบประโลม
เหมันต์ยกข้อนิ้วขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้น้องน้อย ดังเช่นที่เคยทำยามตอนเป็นเด็กเล็ก ๆ ในกาลก่อน
ดวงหน้าเข้มใต้เงาแสงไฟ .. ซ่อนรอยที่มิอาจให้ใครเห็น