วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

MY SWEET LADY : น้องน้อยที่รัก ✿❧ บทที่ 4

นิยายแต่งจบแล้วค่ะ กดรับ link ที่รูปภาพนี้เลยนะคะ สู้ๆ

บทที่ 4


ผู้พี่ก้าวนำหน้า ... ผู้น้องก้าวตามหลัง 
มักเป็นภาพประจำชินตาของผู้คนทั้งบ้าน .. นับจากเด็กทั้งสองเริ่มโตเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก็แทรกเข้ามาแทนที่ภาพจำก่อนหน้าในครั้งยามที่ทั้งสองยังเป็นเด็กเล็กไปเสียสิ้น ..
เฉกเช่นยามที่เด็กหญิงผมเปียวิ่งโล่ ๆ ไล่จับโน่นนี้ 
ขณะที่พี่ชายหน้ายุ่ง เกาหัวแกรกอย่างโมโห พร้อมถือชามข้าวในมือคอยเดินตามไล่ป้อนน้อง และมักจะมีบางคราบบางครา ที่คนตัวใหญ่กว่าจะจับน้องน้อยพาดขาซัดเพี๊ยะ ๆ เพราะพอพี่ชายป้อนผัก น้องสาวก็ถ่มพ่นทิ้ง ผู้พี่หมั่นไส้เลยต้องมีการ 'ลงไม้ลงมือ' สั่งสอนกันลั่นไปหมด
"แง!! แง!! .. พี่ต้นใจร้าย พี่ต้นตีคุณน้ำทำไมคะ? คุณน้ำจะไปฟ้องอารัน!! แง..."
หากแต่วันนี้ผู้รับผิดชอบคดีมิได้มีชีวิตตัดสินใด ๆ ให้อีกแล้ว 
เพราะพอสิ้นมารดา เหมันต์ก็เริ่มทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พูดจาน้อยลงจนแทบจะเรียกว่านับคำได้ หากจะยอมพูดมาก ๆ กับก็แต่น้องสาวเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
แต่ .... เมื่อข่าวหมั้นหมายของน้องสาวแว่วเข้ามา
คนเป็นพี่ที่นับวันพูดน้อยก็ยิ่งน้อยลง และดูจะห่างเหินออกไปเป็นลำดับ
'แม้พี่เป็น..พี่ แต่เราก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ต่อไปคุณน้ำจะมีครอบครัวของตัวเอง จะมีคนมาคอยดูแลคนใหม่ 'พี่ชาย' คนนี้ก็กำลังจะหมดหน้าที่ พี่ทำอย่างนี้ คุณน้ำจะได้เคยชิน'
เสียงอ่อนเบา ปลอบประโลมยามเมื่อน้องน้อยกระเง้ากระงอดที่พี่ชายมักค่อยหลบหน้าหลบตา ชวนไปไหนก็มักจะคอยปฏิเสธเสมอ ทั้งที่ก่อนหน้า 'หน้าที่' รับ-ส่ง ไปเรียนหนังสือหลังจากที่พี่ชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลมีชื่อ และคณะที่ตั้งใจได้สำเร็จ ผู้เป็นลุงก็ให้รางวัลด้วยรถยุโรปคันโก้ให้เป็นของขวัญทันใด
ดังนั้น รถของเขาคันนี้จึงมีไว้ขับให้น้องน้อยนั่งเช่นกัน เพราะในวันที่รับมันมา ผู้เป็นน้องก็ประกาศลั่น ๆ 
'รถของพี่ชายค่ะ แต่ว่ามันมีไว้ใช้สำหรับรับ-ส่งให้คุณน้ำไปโรงเรียน!! ... นะคะ'
ไม่ว่าคำประกาศจะดูแข็งแกร่งมั่นคงแค่ไหน .. หากแต่ถ้ามันเกี่ยวพันกับพี่ชายคนนี้แล้ว คำว่า .. 'นะคะ' .. ด้วยเสียงอ่อนเบา เกรงใจ ก็มักจะติดห้อยลงท้ายตามมาด้วยเสมอ
"งานที่โน่นเป็นไงบ้างนายต้น .. ปัญหาที่เกิดอยู่พอจะสู้กันได้ไหวไหม?"
คุณธันวาเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบเรื่อย แม้จะหนักใจในเรื่องธุรกิจที่กำลังเผชิญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เพราะยังจะสามารถประคับประคองมีเงินหมุนสำรองจากทางธุรกิจด้านอื่นได้อยู่บ้าง .. ประสบการณ์ที่พัดผ่านมา บ่มเพาะให้คุณธันวามักเป็นผู้รอบครอบไม่ค่อยผลีผลามทุ่มลงทุน .. แถมยังมักหาหนทางลงทุนอื่น ๆ สำรองไว้บ้างเสมอ
เพราะนอกจากจะมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เขาก็ยังร่วมกับพรรคพวกลงทุนทางด้านหุ้นของโรงแรมที่พัก อีกทั้งลงทุนไปทางด้านนำเข้ายานยนต์ไว้อีกด้านด้วยกันกับชาวต่างชาติ จึงได้ชื่อว่าค่อนข้างจะมีแหล่งทุนและเงินหมุนจากธุรกิจอื่น ๆ หนุนหลังอยู่ได้บ้าง
"พอไปได้นะครับ คุณอาอาคมตัวแทนผู้บริหารของคุณลุงฝีมือดี พร้อมกับมีวิสัยทัศน์เชิงบวกดีมาก เขาเลยเป็นขวัญและกำลังใจให้ลูกทีมได้ดี แถมแก้ปัญหาได้เก่งพอ ๆ กับที่บริษัทของคุณลุงซื่อตรง มั่นคง ทำงานเสร็จลุล่วงตรงเวลานัดหมายเสมอ และเพราะสิ่งนี้กระมังครับ งวดนี้เราก็เลยได้สัญญารับเหมาสร้างสะพานสู่ประเทศเพื่อนบ้านมาอีกฉบับในมือแล้ว"
"อะฮ้า!! นับว่าเป็นข่าวดีมหาศาลเลยนี่นา .. ก็แล้วทำไมเจ้าหมอนั่นไม่โทรมาแจ้งลุงบ้าง ปล่อยให้เรารอลุ้นฟังข่าวแอบใจหายใจคว่ำ มันน่าเตะจริง ๆ เลยนะไอ้หมอนั่นน่ะ" 
คุณธันวาทำท่าโคลงศีรษะ แต่ว่าอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น
"คุณอาว่าขี้เกียจคุยโทรศัพท์กับคุณลุงครับ บอกว่าคุยกับคุณลุงไม่อร่อย สู้เจอหน้าจิบฉลองแชมเปญที่คุณลุงเก็บแอบเอาไว้ไม่ได้"
"โว๊ะ!! เจ้าหมอนั่นนี่มันจมูกมดดีจริง ๆ"
สิ้นคำหลานชาย ธันวาก็ปล่อยเสียงหัวเราะลั่น ๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่าอาคมผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องมีนิสัยเจ้าแง่เจ้างอน ต่อล้อต่อเถียงเหวี่ยงใส่กันมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แต่ใคร ๆ ก็ต่างรู้ดีว่าพี่น้องสองคนนี้ต่างก็รักใคร่กลมเกลียวกันดีว่าพี่น้องคลานตามกันมาเสียอีก .. และแน่นอนอีกเช่นกันที่อาคมจะรู้จักและสนิทสนมกันดีกับบดินทร์ บิดาของเหมันต์ด้วยอีกคน หากแต่ช่วงก่อนหน้า อาคมถูกส่งไปร่ำเรียนต่อยังต่างประเทศ และหางานทำอยู่ที่นั่นสักพักก่อนเปลี่ยนใจกลับมาช่วยพี่ชายหลังจากเสียเขาเสียบดินทร์ไปเพียงไม่กี่ปี
"นั่นล่ะ .. นั่นล่ะ เรื่องดี ๆ ให้เรียนรู้กับเจ้าอาคมให้มาก ๆ เจ้าหมอนี่มันเก่ง มันฉลาดกว่าใครเพื่อนเลย นายคิดถูกล่ะต้นที่จะติดตามไปเรียนรู้วิชาบริหารจากอาอาคมของแก"
"ความจริงแล้ว คือ..ที่ผมขอย้ายไปเพราะคิดว่าที่นั่นเหมาะกับสายงานและตรงกับสิ่งที่ผมร่ำเรียนมาและใช้ประโยชน์ได้ถูกจุดที่สุด ส่วนเรื่องบริหารงาน คงต้องรอให้คุณน้ำเธอเรียนจบมาบริหารเอาเอง" 
คนพูดไม่หันมามองหน้านวล ที่ก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับจานอาหารของตัวเอง เสมือนไม่มีตัวตนอยู่ ณ ตรงนั้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
"ยัยคุณน้ำน่ะหรือจะช่วยอะไรได้" 
ผู้เป็นบิดาทำน้ำเสียงอ่อนใจแกมเอ็นดู
"ลุงยังเสียดาย หากทางฝ่ายคุณภิรมณ์เธอไม่มากดดัน เจ้ากี้เจ้าการเร่งเร้ากับคุณยม คุณป้าของนาย ลุงก็ว่าจะส่งเขาไปเรียนต่อต่างประเทศ" 
"ลูกผู้หญิง ความรู้ติดตัวน้อยจะอยู่ลำบาก ยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้ว หวังพึ่งผู้ชายฝ่ายเดียวไม่ได้ .. ใจจริงลุงเองก็ยังไม่อยากให้น้องสาวนายแต่ง ..แต่.."
คุณธันวาเสียงขาดหายไปแค่นั้น รีบปรายตามองไปทางภรรยา เพราะเผลอหลุดปากปรารภไปในสิ่งที่มิอาจแก้ไข
... ฤกษ์ยามถูกจัดเตรียม 
การประกาศข่าว...มีมาเป็นปี ๆ 
แขกผู้หลักผู้ใหญ่ถูกรับเชิญ 
เรื่องนั้นคุณธันวาไม่ได้ห่วงมากมาย หากแต่ที่ห่วงนักในตอนนี้ก็คงเป็นที่สีหน้าเหย ๆ ของผู้เป็นภรรยา
หนุ่มใหญ่วัยกลางคนเผลอลอบถอดถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนปรายตาไปยังบุตรสาวสุดรัก .. ที่ต้องมาตกหนักรับกรรมต่อจากบิดา-มารดาโดยมิอาจบิดเบือน 
และทั้ง ๆ ที่รับรู้ว่าบุตรสาวมิใคร่เต็มใจ 
แต่ ....
'ชีวิต' มักเป็นสิ่งที่เลือกเองได้ยากเสมอ ... โดยเฉพาะชีวิตที่ต้องเกิดมาพร้อมแบกภาระเอาคนส่วนใหญ่ใส่ไหล่ไว้
ลูกเอ๋ย ... ไหล่ของลูกช่างบอบบางยิ่งนัก
หากแต่เมื่อมี 'ภาระ' หนักแค่ไหน พ่อก็เชื่อแน่ว่าลูกสาวของพ่อจะต้องฝ่าฟันมันไปจนได้ ... 
แม้หัวใจของลูกจะเจ็บปวดหรือไม่ พ่อก็เชื่อแน่ว่าลูกจะต้องชนะและผ่านพ้นมันไปจนได้ 
'เจ็บนัก .. ก็จำต้องทนนะลูกเอย' …
ดวงตาคม มั่นคง ที่ผ่านร้อนหนาวมามาก องดูบุตรสาว นิ่ง เรียบเฉย แต่ใช่ว่าจะไร้ความรู้สึกเมตตา สงสารปราณี … หากแต่ก็แน่ใจว่ามิอาจปฏิเสธกระไรได้ 
บริษัทของเขาที่ยังต้องแบกภาระดูแลคนในปกครองอีกเป็นร้อยเป็นพันกว่าชีวิต .. ดังนั้น ความมั่นคงของบริษัทฯ จึงจำต้องคงอยู่ 
ที่คงต้องแลกด้วยอิสระของบุตรสาวสุดที่รัก ที่เขามีอยู่เพียงคนเดียวคนนี้
คุณยมนาลอบเหลือบตามองสามีอย่างรับรู้ความอัดอั้นตันใจ แต่ก็มิอาจกระทำอะไรได้ ... รับรู้ได้แค่เพียงว่า 
ถึงแม้วันนี้สามีจะยังมิต้องเป็นกังวลไปกับธุรกิจที่ครองอยู่ในมือมากนัก หากแต่คุณภิรมณ์ .. พี่สาวคนเดียวของคุณยมนาผู้ที่เคยถือหุ้นใหญ่ .. เคยยื่นมือมาช่วยเหลือบริษัทฯในช่วงเหตุวิกฤติเมื่อยามลำบากกันในกาลก่อน